คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้นโจทก์จะฟ้องคดีส่วนแพ่งก่อนก็ได้ และถ้าในระหว่างที่คดีส่วนแพ่งยังไม่ถึงที่สุดโจทก์ฟ้องคดีส่วนอาญาในมูลกรณีเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องในคดีส่วนแพ่งนั้นเอง เช่นนี้ หาใช่เป็นเรื่องคดีแพ่งเกิดก่อนคดีอาญาไม่และการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
จำเลยทำใบมอบอำนาจปลอมให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเซ็นโดยหลอกลวงว่าเพื่อมอบอำนาจให้จำเลยเช่านาแต่ความจริงเป็นใบมอบอำนาจให้โจทก์ขายนาให้จำเลยโดยโจทก์มิได้ยินยอมด้วย ดังนี้ เป็นการที่โจทก์ทำนิติกรรมมอบอำนาจไปโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรมเป็นโมฆะใบมอบอำนาจจึงใช้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่านิติกรรมการโอนที่นาเป็นโมฆะขอให้เพิกถอนทำลาย จำเลยต่อสู้ว่า ใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อเป็นใบมอบอำนาจที่แท้จริง จำเลยกระทำโดยสุจริต มิได้ใช้อุบายล่อลวง

ศาลจังหวัดอ่างทองพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีมีมูลกรณีเป็นเรื่องเดียวกันกับคดีอาญาซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่าจำเลยมีความผิดทางอาญาฐานปลอมเอกสาร และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จฉะนั้น ในการพิจารณาคดีนี้ต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา พิพากษากลับให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นา

จำเลยฎีกาว่า คดีแพ่งนี้เกิดก่อนคดีอาญา ศาลต้องถือข้อเท็จจริงในคดีแพ่งนี้เป็นหลัก จะถือข้อเท็จจริงในคดีอาญาเป็นหลักหาได้ไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่ง ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาก่อน แต่เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า ใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อให้เป็นใบมอบอำนาจอันแท้จริง และคดีแพ่งยังไม่ถึงที่สุด โจทก์จึงฟ้องจำเลยนี้เป็นคดีอาญาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง ยักยอก ปลอมเอกสารขึ้น ซึ่งเป็นมูลกรณีเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องคดีแพ่งนั้นเอง ศาลจึงมีหน้าที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีความรับผิดต้องเพิกถอนนิติกรรมให้โจทก์ในคดีแพ่งหรือไม่ และจำเลยจะมีความผิดมีโทษในคดีอาญาหรือไม่ หาใช่เป็นเรื่องคดีแพ่งเกิดก่อนคดีอาญาดังจำเลยกล่าวอ้างนั้นไม่

อนึ่ง แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องโจทก์ในคดีแพ่งที่ฟ้องก่อนแต่ภายหลังศาลชั้นต้นก็พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีอาญาดังข้อกล่าวหาของโจทก์ในมูลกรณีเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องในคดีแพ่งนั้นเองและในชั้นอุทธรณ์โจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องแจ้งข้อนี้ให้ศาลอุทธรณ์ทราบและร้องขอให้ศาลอุทธรณ์รอการพิจารณาคดีแพ่งนี้เพื่อฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาไว้แล้ว ศาลอุทธรณ์จึงได้พิจารณาพิพากษาคดีสองเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กัน คดีแพ่งเรื่องนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 บัญญัติให้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา

ศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อเท็จจริง (ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา) ได้ความว่าจำเลยได้ทำใบมอบอำนาจปลอมให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเซ็นมอบอำนาจโดยหลอกลวงว่าเพื่อมอบอำนาจให้จำเลยเช่านาแต่ความจริงเป็นใบมอบอำนาจให้โจทก์ขายนาให้แก่จำเลยโดยโจทก์มิได้ยินยอมด้วย เช่นนี้ เป็นการที่โจทก์ทำนิติกรรมมอบอำนาจไปโดยความสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรมใบมอบอำนาจจึงใช้ไม่ได้ เป็นโมฆะ

พิพากษายืน

Share