แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า การปล้นได้กระทำไปโดยจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คน มีอาวุธปืนติดตัว จำเลยที่ 2 ผู้ร่วมกระทำการปล้นด้วยแม้จะไม่ปรากฏว่ามีอาวุธใดติดตัวไป ก็ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง แต่เฉพาะจำเลยที่ 1ผู้เดียวที่กระทำการปล้นโดยมีและใช้อาวุธปืนจี้เจ้าทรัพย์ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงต้องด้วยมาตรา 340 ตรี ต้องระวางโทษหนักกว่าโทษตามมาตรา 340 วรรคสองอีกกึ่งหนึ่งส่วนจำเลยที่ 2 หาต้องระวางโทษตามนี้ด้วยไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์นายพิมพาและนางคำมีสุภารมย์ โดยมีปืนเป็นอาวุธ และใช้อาวุธปืนจี้ขู่เข็ญเจ้าทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 340 ตรี, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ข้อ 14,15 กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 218 บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายร่วมกับพวกทำการปล้นทรัพย์จริงพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 14, 15 แต่จำเลยทั้งสองมีอายุ 18 ปีลดมาตราส่วนโทษให้ตามมาตรา 76 คนละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 12 ปี และให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน218 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายร่วมกระทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายจริง แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี,83 ตามที่แก้ไขและเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11ข้อ 14, 15 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่ายังคลาดเคลื่อนอยู่ เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ตามที่แก้ไขแล้วนั้นบัญญัติว่า “ถ้าในการปล้นทรัพย์ ผู้กระทำแม้แต่คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษ ฯลฯ” ส่วนมาตรา 340 ตรีที่เพิ่มเติมใหม่นั้นบัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 339มาตรา 339 ทวิ มาตรา 340 หรือมาตรา 340 ทวิ โดยแต่งเครื่องแบบทหารหรือตำรวจ หรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำรวจ หรือโดยมีหรือใช้อาวุธปืน ฯลฯ ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง” เมื่อได้ทราบว่า การปล้นรายนี้ได้กระทำไปโดยจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คนมีอาวุธปืนติดตัว จำเลยที่ 2 ผู้ร่วมกระทำการปล้นด้วย แม้จะไม่ปรากฏว่ามีอาวุธใดติดตัวไป ก็ต้องมีความผิดตามมาตรา 340 วรรคสอง แต่เฉพาะจำเลยที่ 1 ผู้เดียวที่กระทำการปล้นโดยมีและใช้อาวุธปืนจี้เจ้าทรัพย์ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงต้องด้วยมาตรา 340 ตรี ต้องระวางโทษหนักกว่าโทษตามมาตรา 340 วรรคสองอีกกึ่งหนึ่ง ส่วนจำเลยที่ 2 หาต้องระวางโทษตามนี้ด้วยไม่
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี ตามที่เพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 15 ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสองตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 14 จำเลยทั้งสองมีอายุ 18 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ตามมาตรา 76 คนละหนึ่งในสาม แล้วให้จำคุกจำเลยที่ 1สิบสองปี จำคุกจำเลยที่ 2 แปดปี นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์