คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จเป็นเหตุให้โจทก์ถูกจับและควบคุมตัว และเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า ฟ้องไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์เฉพาะข้อหาคดีอาญาว่าคดีมีมูล ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่แล้วสั่งใหม่ตามรูปคดี เช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 จำเลยยังมิเข้ามาสู่ฐานะคู่ความ ย่อมไม่มีสิทธิฎีกา(อ้างนัยฎีกาที่ 1229/2502)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจนำข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งทำให้โจทก์เสียหายแจ้งข้อความอาญาต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์บุกรุกปิดกั้นทางสาธารณะ ซึ่งเป็นความเท็จความจริงโจทก์มิได้ปิดกั้นทางสาธารณะดังจำเลยแจ้งความ การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ถูกพนักงานสอบสวนควบคุมตัว เดือดร้อนเสียหายเสื่อมเสียเสรีภาพและชื่อเสียงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 และเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 4,000 บาท

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยเอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จไปแจ้ง ฟ้องจึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 การจับและควบคุมเป็นอำนาจพนักงานสอบสวน จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะข้อหาคดีอาญาว่าคดีมีมูล

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาพยานหลักฐานว่าคดีมีมูลพอรับฟ้องไว้หรือไม่ แล้วสั่งใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีราษฎรเป็นโจทก์ ซึ่งจะต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องก่อนประทับฟ้องและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 บัญญัติว่า ก่อนที่ศาลประทับฟ้องมิให้ถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะเช่นนั้น ดังนี้ จำเลยจึงยังมิเข้ามาสู่ฐานะคู่ความย่อมไม่มีสิทธิฎีกาตามนัยฎีกาที่ 1229/2502 พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share