คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฟ้องบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่คู่สัญญาฐานผิดสัญญา และขอให้บังคับตามสัญญานั้นเป็นฟ้องที่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลยกขึ้นเองเพื่อยกฟ้องโจทก์ได้
ตัวแทนซึ่งทำสัญญาแทนตัวการที่อยู่ต่างประเทศ อาจถูกฟ้องให้รับผิดลำพังตัวเองได้
แม้ในสัญญาจะไม่ได้กำหนดว่าเมื่อผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้เสียดอกเบี้ยก็ตาม เมื่อลูกหนี้ในสัญญานั้นผิดนัด ก็จะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญากับโจทก์ในฐานะเป็นตัวแทนของตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศสัญญามีข้อความว่า เจ้าของที่ฝ่ายใดสร้างตึกแถวก่อน ต้องยอมให้เจ้าของข้างเคียงใช้ฝาผนังร่วมโดยยอมเสียค่าฝาให้ครึ่งหนึ่ง จำเลยที่ 2 เป็นผู้อาศัยในที่ดินที่จำเลยที่ 1 ดูแลแทนเจ้าของ จำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 ใช้ฝาผนังของโจทก์แล้วไม่ชำระเงิน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินตามสัญญา และเรียกดอกเบี้ย

จำเลยต่อสู้ร่วมกันในศาลชั้นต้นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 เพราะจำเลยที่ 1 เป็นเพียงตัวแทน โจทก์เรียกดอกเบี้ยไม่ได้เพราะสัญญาไม่ได้ระบุให้ดอกเบี้ยกัน ฯลฯ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ชนะบางส่วน

จำเลยฎีกาแต่ฝ่ายเดียวว่า โจทก์ที่ 2 ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะจำเลยที่ 1 เป็นเพียงตัวแทนทำสัญญา และจำเลยที่ 2 ไม่ใช่คู่สัญญากับโจทก์ และจำเลยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เพราะฟ้องตามสัญญาและความรับผิดตามสัญญานั้นยังเป็นปัญหาโต้เถียงกันอยู่

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของตัวการที่อยู่ต่างประเทศ ฉะนั้น โจทก์ที่ 2 มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ ส่วนที่โจทก์ที่ 2 ฟ้องจำเลยที่ 2 ฐานผิดสัญญานั้น จำเลยที่ 2 เป็นบุคคลนอกสัญญา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะไม่ได้ยกต่อสู้ในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาก็ยกขึ้นเองได้ ตามสัญญาจำเลยที่ 1 ต้องใช้เงินค่าใช้ฝาให้โจทก์ โจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ได้ชื่อว่าผิดนัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 และต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224

พิพากษาแก้

Share