แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่จำเลยควบคุมเรือยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนสะพานและท่าเทียบเรือของโจทก์การที่โจทก์ไม่จุดไฟขาวไว้ที่สะพานและท่าเทียบเรือ ตามที่ใบอนุญาตของกรมเจ้าท่าบังคับไว้นับว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือฯ เพราะหากโจทก์จุดไฟขาวไว้ให้ผู้เดินเรือในเวลากลางคืนเห็นได้ ก็จะเป็นทางป้องกันมิให้เรือแล่นมาชนสะพานและท่าเทียบเรือซึ่งล่วงล้ำร่องน้ำอยู่3 เมตรนั้นได้ จึงถือว่าโจทก์มีส่วนผิดอยู่ด้วยศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้เพียง 3 ใน 4 ของ ค่าเสียหายทั้งหมดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 และ 223
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนายท้ายเรือยนต์ชื่ออ่าวสยาม 2และเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จำเลยที่ 1 ได้ควบคุมเรือยนต์ดังกล่าวโดยประมาทชนท่าเทียบเรือและสะพานคอนกรีตของโจทก์ชำรุดเสียหาย จึงขอให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 127,732 บาทแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธความรับผิดและต่อสู้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิด เพราะมิได้จุดโคมไฟสีขาวไว้ที่ท่าและสะพานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ำสยามฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และ 3 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 100,000 บาท คดีได้ความว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้าง จำเลยที่ 2 จึงให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 และ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าการที่โจทก์ไม่จุดไฟขาวที่สะพานและท่าเทียบเรือตามที่ใบอนุญาตของกรมเจ้าท่าบังคับไว้นับว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือหากโจทก์จุดไฟขาวไว้ให้ผู้เดินเรือในเวลากลางคืนเห็นได้ก็ย่อมจะเป็นทางป้องกันมิให้เรือแล่นเข้ามาชนสะพานและท่าเทียบเรือซึ่งล่วงล้ำร่องน้ำอยู่ 3 เมตรนั้นได้ จึงนับได้ว่าฝ่ายโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดการชนสะพานและท่าเทียบเรืออยู่ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 และ 223 จึงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เพียง 3 ใน 4 เป็นเงิน 75,000 บาท
พิพากษาแก้เฉพาะค่าเสียหาย