คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายกับจำเลยด่าว่ากันแล้วผู้ตายใช้จอบตีจำเลยแต่ผิด จอบติดดิน ผู้ตายต้องใช้เวลาดึงจอบประมาณ 1 นาที ขณะที่จอบผู้ตายติดดินอยู่นี้ จำเลยมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงไปได้ถ้าจำเลยไม่สมัครใจจะวิวาทกับผู้ตาย การที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายโดยแรงเช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะทำร้ายผู้ตายอันเนื่องมาจากการด่าว่ากันอย่างรุนแรง และเกิดโมโหขึ้นมา ทั้งจำเลยและผู้ตายต่างถือจอบเป็นอาวุธพร้อมที่จะทำร้ายกันได้ พอฝ่ายผู้ตายตีจำเลยผิด จำเลยก็ตีผู้ตายได้ทันที จึงเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน จะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิหาได้ไม่
จำเลยใช้จอบซึ่งยาวประมาณ 1 วา คมจอบกว้างประมาณ6 นิ้วฟุต ตีผู้ตายที่ศีรษะโดยแรง มีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่กลางกระหม่อมกว้าง 13 เซนติเมตร ยาว 18 เซนติเมตร กระโหลกศีรษะแตก และที่ขมับขวาแผลกว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 9 เซนติเมตรกระโหลกศีรษะร้าว ตามลักษณะเช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้จอบเป็นอาวุธ ตี ฟัน นายคัด สามารถที่บริเวณศีรษะ 2 แผล โดยเจตนาฆ่า นายดัดได้ถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลที่ถูกทำร้าย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288จำเลยต่อสู้ว่าป้องกันตัว

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยมีเจตนาฆ่า พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุก 16 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำเบิกความของจำเลยมีประโยชน์ในการพิจารณาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 10 ปี

จำเลยฎีกาว่า ไม่เจตนาฆ่า และเพื่อป้องกันตัว

ศาลฎีกาเห็นว่า ในข้อที่จำเลยฎีกาว่าป้องกันนั้น เห็นว่าจำเลยใช้จอบตีผู้ตายในขณะที่ผู้ตายกำลังชักจอบขึ้นจากดิน หาใช่ผู้ตายยกจอบขึ้นจะตีจำเลยอีกดังที่จำเลยเบิกความไม่ และจะฟังว่าจำเลยถอยไปติดคันนาก็ไม่มีพยานทั้งโจทก์จำเลยคนใดว่าเช่นนั้นในระยะที่จอบผู้ตายติดดินอยู่นี้ จำเลยมีโอกาสจะหลีกเลี่ยงไปได้ถ้าจำเลยไม่สมัครใจจะวิวาทกับผู้ตาย การที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายโดยแรงขณะที่จอบผู้ตายติดดิน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะทำร้ายผู้ตายอันเนื่องมาจากด่าว่ากันอย่างรุนแรงและเกิดโมโหขึ้นมาทั้งจำเลยและผู้ตายต่างถือจอบเป็นอาวุธพร้อมที่จะทำร้ายกันได้ พอฝ่ายผู้ตายตีจำเลยผิด จำเลยก็ตีผู้ตายได้ทันที จึงเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกันจำเลยจะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยหาได้ไม่ ที่จำเลยกล่าวในฎีกาอีกข้อหนึ่งว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่านั้น เห็นว่า ผู้ตายถูกจำเลยตีที่ศีรษะ 2 แห่ง คือ ที่กลางกระหม่อมแห่งหนึ่งแผลกว้าง 13 เซนติเมตร ยาว 18 เซนติเมตร กระโหลกศีรษะแตก อีกแห่งหนึ่งที่ขมับขวา แผลกว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 9 เซนติเมตร กระโหลกศีรษะร้าวจอบที่จำเลยใช้ตีนั้น ยาวประมาณ 1 วา คมจอบกว้างประมาณ 6 นิ้วฟุตเมื่อผู้ตายถูกตีแล้วพูดอะไรไม่ได้ อยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแก่ความตาย ตามลักษณะนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของจำเลยอยู่ดีว่าอาจทำให้ถึงตายได้ ข้อที่จำเลยฎีกาว่าไม่มีเจตนาจึงไม่อาจฟังได้ พิพากษายืน

Share