แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไปถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน2541 ต่อมาวันที่ 10 พฤศจิกายน 2541 โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ และเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่จำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นออกไปอีก 15 วัน แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องและสั่งไม่รับอุทธรณ์ไปพร้อมกันในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2541 ซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาอุทธรณ์ตามที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้ ดังนี้ แม้ศาลชั้นต้นจะเห็นควรยกคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมของโจทก์ แต่เมื่อยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นควรให้โอกาสแก่โจทก์ทั้งสองชำระหรือวางเงินดังกล่าวให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาอุทธรณ์ก่อน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนเพิ่มขึ้นจากที่คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ กำหนดให้แก่โจทก์ทั้งสองอีกเป็นเงิน132,770,480 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ของต้นเงิน87,349,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสองจำเลยทั้งสามให้การว่าคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ กำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ทั้งสองถูกต้องเหมาะสมและเป็นธรรมแล้วขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองเมื่อวันที่ 15กันยายน 2541 ต่อมาโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์รวม 2 ครั้ง ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไปถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2541 ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน2541 โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์พร้อมคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์และเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่จำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาออกไป 15 วันนับแต่วันยื่นอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ทั้งสองได้รับค่าทดแทนตามที่คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ กำหนดไปแล้วเป็นเงิน110,000,000 บาทเศษ จึงไม่เชื่อว่าโจทก์ทั้งสองไม่สามารถรวบรวมเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนจำเลยทั้งสามตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ได้ทัน กรณีตามคำร้องยังไม่ถือเป็นพฤติการณ์พิเศษจึงไม่อนุญาตยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ แจ้งคำสั่งแก่โจทก์ทั้งสอง ไม่มีผู้รับให้ปิด ส่วนอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์โดยไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนจำเลยทั้งสามมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 จึงไม่รับอุทธรณ์โจทก์ทั้งสอง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์รวม 2 ครั้ง ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไปถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2541 โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดระยะเวลาที่ขยายออกไปนั้น และยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ และเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่จำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นออกไปอีก 15 วัน อ้างว่าโจทก์ทั้งสองยังรวบรวมเงินได้ไม่ครบถ้วนศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องและสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองพร้อมกันไปในวันเดียวกัน คือวันที่ 12 พฤศจิกายน 2541 ล้วนยังอยู่ในระยะเวลาอุทธรณ์ และยังไม่ครบกำหนดอุทธรณ์ในวันที่ 13พฤศจิกายน 2541 ตามที่ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไว้ เหตุนี้แม้ศาลชั้นต้นเห็นว่า เหตุผลของโจทก์ทั้งสองที่ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์และเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่จำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะอนุญาตให้ขยายระยะเวลาได้ก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นได้ว่าโจทก์ทั้งสองมิได้จงใจฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์และเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่จำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางในวันยื่นอุทธรณ์ ประกอบกับยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ดังกล่าว เช่นนี้ ศาลชั้นต้นควรให้โอกาสแก่โจทก์ทั้งสองชำระหรือวางเงินดังกล่าวให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองเสียทีเดียว และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนโดยไม่ให้โอกาสโจทก์ทั้งสองก่อนนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย และศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เสียได้โดยให้โอกาสโจทก์ทั้งสองนำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์และค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่จำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางภายในกำหนด 3 วัน นับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าได้ทราบคำพิพากษาศาลฎีกาได้ ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น และยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งสองนำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์และค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่จำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางภายในกำหนด 3 วัน นับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าได้ทราบคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป