คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานหมิ่นประมาท โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับวันเวลาซึ่งเกิดการกระทำความผิดว่า จำเลยหมิ่นประมาทใส่ความ ธ. โดยการโฆษณาด้วยเอกสารหนังสือลงวันที่ 22 มีนาคม 2515 ต่อหัวหน้าคณะปฏิวัติซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 และจำเลยโฆษณาด้วยเอกสารหนังสือลงวันที่เดียวกันต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผ่านเลขาธิการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งได้มีความเห็นของเลขาธิการเสนออธิการบดีเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2515 เวลากลางวัน ดังนี้ ถือว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันเวลาที่เกิดการกระทำนั้นๆ เท่าที่อยู่ในวิสัยของโจทก์ที่จะบรรยายได้ ให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยโฆษณาด้วยเอกสารหนังสือลงวันที่ 22 มีนาคม2515 หมิ่นประมาทใส่ความนายธรรมนูญ ลัดพลี ต่อหัวหน้าคณะปฏิวัติซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 มีใจความว่า จำเลยได้ทราบข่าวว่านายธรรมนูญ ลัดพลี ได้ไปอ้างตัวว่าเป็นที่ปรึกษาของหัวหน้าคณะปฏิวัติมีอำนาจยิ่งกว่ากรมศิลปากร ให้ชาวบ้านขุดค้นวัตถุเครื่องปั้นดินเผาขายให้แก่ตน อันเป็นการทำลายหลักฐานทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ ฯลฯ และจำเลยได้โฆษณาด้วยเอกสารหนังสือลงวันที่ 22 มีนาคม 2515 ต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผ่านเลขาธิการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเลขาธิการได้มีความเห็นเสนออธิการบดีเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2515 เวลากลางวัน ตามเอกสารของจำเลยมีใจความว่า จำเลยขอส่งสำเนาคำร้องถึงหัวหน้าคณะปฏิวัติมาถึงอธิการบดี เพราะได้ทราบว่านายธรรมนูญ ลัดพลี เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถ้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีบุคคลแบบนายธรรมนูญ ลัดพลี เป็นอาจารย์อบรมสั่งสอนอยู่ นักศึกษาจะไม่ได้รับการสอนที่ถูกต้องตามหลักวิชา ฯลฯ ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะทำให้นายธรรมนูญ ลัดพลี เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

นายธรรมนูญ ลัดพลี ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติ ชมโจทก์ร่วมด้วยความเป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(3) จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง

โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิด ไม่ถูกต้องตามมาตรา 158(5) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์ พิพากษายืน

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงที่อ้างว่าได้เกิดการกระทำความผิดขึ้น โดยจำเลยเป็นผู้กระทำผิด ประกอบกับข้อเท็จจริงและรายละเอียดอื่น ๆ ตามสภาพของเหตุที่เกิดขึ้น ตลอดทั้งเวลาและสถานที่ที่เกิดการกระทำนั้น ๆ เท่าที่อยู่ในวิสัยของโจทก์จะบรรยายได้ และได้กล่าวถึงถ้อยคำพูดและหนังสือหมิ่นประมาทไว้บริบูรณ์ให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามมาตรา 158(5) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share