คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า คดีมีมูลเฉพาะข้อหารับของโจรส่วนข้อหาลักทรัพย์คดีไม่มีมูลให้ยกฟ้อง เช่นนี้ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฐานลักทรัพย์นี้ต่อศาลที่มีอำนาจอีกโจทก์คงฟ้องจำเลยได้ในข้อหาฐานรับของโจรยังศาลที่มีอำนาจเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงพระนครใต้ไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ส่วนฐานลักทรัพย์คดี ไม่มีมูล ให้ยกฟ้อง โจทก์นำคดีดังกล่าวมายื่นฟ้องต่อศาลอาญาทั้งข้อหาฐานลักทรัพย์และฐานรับของโจร ศาลอาญาสั่งรับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร จำเลยรับสารภาพ ศาลอาญาจึงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 ลดโทษกึ่งหนึ่งเพราะรับสารภาพตาม มาตรา 78 แล้วคงให้จำคุก 3 เดือน ส่วนข้อหาลักทรัพย์ศาลอาญาสั่งว่า ศาลแขวงพระนครใต้ไต่สวนและพิพากษายกฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์ไปแล้ว โจทก์จะนำข้อหานี้มาฟ้องอีกไม่ได้ ตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯลฯ มาตรา 13.14 แม้ข้อหาฐานลักทรัพย์นี้จะมีลักษณะเกี่ยวพันกันกับคดีความผิดฐานรับของโจรที่ศาลได้รับฟ้องไว้แล้วก็ดี โจทก์ก็หามีอำนาจนำข้อหาฐานลักทรัพย์ดังกล่าวแล้วมาฟ้องหาได้ไม่ จึงไม่รับฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์

โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์ได้ด้วยโดยอาศัย มาตรา 14, 16 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯลฯ พ.ศ.2499

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อหาใดที่ศาลแขวงได้ไต่สวนและพิพากษายกฟ้องแล้ว จะนำมาฟ้องที่ศาลมีอำนาจอีกไม่ได้ ดังเช่นข้อหาฐานลักทรัพย์ในคดีนี้ กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตาม มาตรา 16 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อหาฐานลักทรัพย์ในคดีนี้ ศาลแขวงได้ไต่สวนมูลฟ้องและสั่งว่าคดีไม่มีมูล ให้ยกฟ้อง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฐานลักทรัพย์นี้อีก พิพากษายืน

Share