แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนพกออโตเมติกบราวนิ่งขนาด .32(7.65 มม.) เครื่องหมายเลขประจำปืนถูกขูดลูบแก้ไขไม่อาจยืนยันได้ว่าเลขหมายเดิมคืออะไร 1 กระบอก และมีซองบรรจุกระสุน 1 ซอง กระสุนปืนขนาดเดียวกัน 6 นัด ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และจำเลยที่ 2 ได้พาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมืองหมู่บ้าน ตามถนน ซึ่งเป็นทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ,72 และ 72 ทวิแต่โจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ด้วย ศาลจะยกมาตราดังกล่าวมาปรับบทลงโทษไม่ได้เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
จำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีน 1,650 เม็ด หนัก 144.375 กรัมคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 13.976 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนจับกุมจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชุดสืบสวนจับกุมของตำรวจได้จับกุมผู้ค้าเมทแอมเฟตามีน 5 คน และสอบสวนขยายผลได้ความว่า ยังมีผู้ลักลอบค้าอยู่อีก จึงได้ให้ผู้ต้องหาคนหนึ่งพาไปห้องเกิดเหตุโดยผู้ต้องหาบอกว่าเป็นห้องของจำเลยที่ 1เจ้าพนักงานตำรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางตามที่ผู้ต้องหาบอกเมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีนี้พบอยู่บนตู้เสื้อผ้าของจำเลยที่ 1 และก่อนที่จะถูกจับจำเลยที่ 2 ยังได้มอบเมทแอมเฟตามีนให้ผู้ต้องหานำไปส่งให้ลูกค้ามาแล้ว ทั้งจำเลยที่ 1 ก็ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 2พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจและจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 รวมกันมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำนวน 1,650 เม็ด น้ำหนักรวม144.375 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 13.976 กรัมเกินปริมาณ 0.500 กรัม ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศกำหนดไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนพกออโตเมติก บราวนิ่ง ขนาด .32 (7.65 มม.)เครื่องหมายเลขประจำปืนถูกขูดลูบแก้ไขไม่อาจยืนยันได้ว่าเลขหมายเดิมคืออะไร 1 กระบอกและมีซองบรรจุกระสุน 1 ซองกระสุนปืนขนาดเดียวกัน 6 นัด ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและจำเลยที่ 2 ได้พาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน ตามถนนซึ่งเป็นทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ซองบรรจุกระสุนดังกล่าว และยึดได้กระป๋องน้ำอัดลมที่ใช้บรรจุเมทแอมเฟตามีน จำนวน 1 กระป๋อง ซองพกในอาวุธปืนสีดำ 1 ซอง เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ,62, 89, 106, 106 ทวิ และ 116 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 และ 72 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และ 91 ริบกระป๋องน้ำอัดลมของกลางและริบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 และ 72 ทวิ วรรคสองประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และ 83 ในส่วนของจำเลยที่ 2เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้ลงโทษจำเลยที่ 1ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย จำคุก 16 ปี ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย จำคุก 48 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี และฐานพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาตลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 2ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78กึ่งหนึ่ง ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด49 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ริบเมทแอมเฟตามีนและกระป๋องน้ำอัดลมของกลาง
โจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2539 เวลากลางวัน จำเลยที่ 2มีเมทแอมเฟตามีน 1,650 เม็ด หนัก 144.375 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 13.976 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาตและเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสามได้ในขณะที่จำเลยทั้งสามอยู่ในห้องเลขที่ 48/86 ศิวลีคอนโด ซอยลาซาล (สุขุมวิท 105)แขวงบางนา เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจเอกยุทธนา ตั้งกอบลาภเป็นพยานเบิกความว่าชุดสืบสวนจับกุมของสถานีตำรวจนครบาลมักกะสันได้จับกุมผู้ค้าเมทแอมเฟตามีน 5 คน และสอบสวนขยายผลได้ความว่า ยังมีผู้ลักลอบค้าอยู่ที่ศิลลีคอนโด จึงได้ให้นางสาวเกวดีจิตรพินิจ ผู้ต้องหาคนหนึ่งพาไปห้องเกิดเหตุโดยนางสาวเกวดีบอกว่าเป็นห้องของจำเลยที่ 1 และพันตำรวจตรีสัมพันธ์ นวมดี พนักงานสอบสวนเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 รับว่าห้องเกิดเหตุเป็นของมารดาจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 กับภริยาอาศัยอยู่และกระป๋องน้ำอัดลมที่บรรจุเมทแอมเฟตามีนวางอยู่บนตู้เสื้อผ้าของจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาเห็นว่า แม้คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวจะเป็นเพียงพยานบอกเล่าก็ตาม แต่เมื่อนางสาวเกวดีพาไปห้องเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจก็สามารถค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางตามที่นางสาวเกวดีบอก ทำให้คำเบิกความพยานโจทก์ทั้งสองมีน้ำหนักที่จะรับฟัง ประกอบกับในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ให้การรับว่าห้องเกิดเหตุมีชื่อมารดาจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของแต่ให้จำเลยที่ 1 พักอาศัยอยู่กับภริยาเพียงสองคนตามบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.14 ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 พักอาศัยอยู่ในห้องเกิดเหตุ และข้อเท็จจริงปรากฏจากบันทึกคำให้การของนางสาวเกวดีและนายประเสริฐ บัวแก้ว เอกสารหมาย จ.8 และ จ.9ว่า นายประเสริฐกับจำเลยที่ 2 เดินทางจากจังหวัดสุโขทัยไปที่ห้องเกิดเหตุพบนายโอเล่ เปรมปราย นางสาวเกวดี และจำเลยที่ 1จนกระทั่งถึงเวลานัดจำเลยที่ 2 นำเมทแอมเฟตามีน 990 เม็ดให้นายโอเล่และนางสาวเกวดีช่วยกันนำไปซ่อนไว้ในถุงขนมก่อนที่จะนำไปส่งให้ลูกค้า เมื่อนางสาวเกวดีและนายประเสริฐถูกจับ จึงแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจทราบว่ายังมีเมทแอมเฟตามีนซ่อนอยู่ในห้องเกิดเหตุอีก ศาลฎีกาเห็นว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีนี้พบอยู่บนตู้เสื้อผ้าของจำเลยที่ 1 และก่อนที่จะถูกจับจำเลยที่ 2 ยังได้มอบเมทแอมเฟตามีนให้นายโอเล่และนางสาวเกวดีนำไปส่งให้ลูกค้ามาแล้ว อีกทั้งในขณะถูกจับกุมจำเลยที่ 1 ก็ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 2 พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต
อนึ่ง โจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ด้วย ศาลจะยกมาตราดังกล่าวมาปรับบทลงโทษไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับบทว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์