แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อฟังว่า จำเลยเป็นคนพาพวกปล้นไปว่าเช่ารถจากผู้หนึ่ง โดยออกอุบายว่าจะจ้างไปบรรทุกหวาย หลังจากที่ได้หยุดรถรับพรรคพวกจนครบแล้วจำเลยก็เข้าทำหน้าที่ขับเอง และยังได้หยุดรถแจกอาวุธกัน ต่อจากนั้นจำเลยก็ขับไปยังบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อเสียงปืนดังขึ้นเจ้าของรถเห็นท่าไม่ดีจะขับรถกลับ จำเลยเองกลับเป็นผู้ใช้กรรไกรขู่ไม่ให้เจ้าของรถลงจากรถ แล้วจำเลยเลื่อนรถเข้าไปคอยพรรคพวก และพาหนีกลับจนกระทั่งรถน้ำมันหมด จำเลยจึงทิ้งรถไปกับพวกคนร้าย ต้องถือว่าตามพฤติการณ์จำเลยได้ร่วมกระทำความผิดด้วยโดยแบ่งหน้าที่รับเป็นผู้ขับรถให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 6 คนมีปืนและกรรไกรเป็นอาวุธปล้นทรัพย์อันได้แก่ธนบัตรชนิดต่าง ๆ 7,000 บาท และทรัพย์อื่นของนายจาง แซ่เตีย และนางทองขาว เมืองปลอด รวมเป็นเงิน 9,700 บาทกับปล้นเอาธนบัตรชนิดต่าง ๆ 1,600 บาทและทรัพย์อื่น ๆ รวมเป็นเงิน4,650 บาทของนางสอาด (ความจริงนางฉลาด) ปัญญาไวย์ ในการปล้นจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนและกรรไกรขู่เข็ญฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83 และให้ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงินรวม 14,350 บาท แก่เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างฐานที่อยู่
ศาลชั้นต้นเชื่อโดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายร่วมในการปล้นด้วย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83 ให้จำคุก 12 ปีกับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 14,350 บาท แก่เจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อตามคำพยานโจทก์ว่า จำเลยเป็นคนพาพวกปล้นไปว่าเช่ารถจากนายทำ โดยออกอุบายว่าจะจ้างไปบรรทุกหวายหลังจากที่ได้หยุดรถรับพรรคพวกจนครบแล้ว จำเลยก็เข้าทำหน้าที่ขับเอง และยังได้หยุดรถแจกอาวุธกัน ต่อจากนั้นจำเลยก็รับไปยังบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อเสียงปืนดังขึ้นนายทำเห็นท่าไม่ดีจะขับรถกลับ จำเลยกลับเป็นผู้ใช้กรรไกรขู่ไม่ให้นายทำลงจากรถ แล้วจำเลยเลื่อนรถเข้าไปคอยพรรคพวกและพาหนีกลับจนกระทั่งรถน้ำมันหมด จำเลยจึงทิ้งรถไปกับพวกคนร้ายทิ้งนายทำกับนายหวังสองคนให้เฝ้ารถตามลำพัง
จึงวินิจฉัยว่าตามพฤติการณ์ ถือว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดด้วย โดยแบ่งหน้าที่รับเป็นผู้ขับรถให้ มิใช่ถูกพวกปล้นบังคับ
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย