แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้อาวุธที่จำเลยใช้จะเป็นมีดพร้าขอขนาดใหญ่และตัวมีดยาว 45 เซนติเมตรก็ตามแต่จำเลยก็ได้ฟันผู้เสียหายตามโอกาสที่จะอำนวย คือขณะผู้เสียหายก้มอยู่ จำเลยก็ฟันที่กลางหลังเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีได้ 2 ก้าว จำเลยก็ฟันถูกต้นคอเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีต่อไป จำเลยยังวิ่งไล่กวดจะฟันผู้เสียหายซ้ำอีก บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายในระยะเวลา 2 เดือน เพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจใช้มีดพร้าขอขนาดใหญ่เป็นอาวุธฟันผู้เสียหายถูกที่บริเวณต้นคอครั้งหนึ่ง แล้วฟันซ้ำถูกที่กลางหลังและจำเลยยังวิ่งไล่กวดจะฟันผู้เสียหายอีก โดยจำเลยมีเจตนาจะฆ่าขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 และ 297
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นเพียงทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ให้จำคุกจำเลย 3 ปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยใช้มีดพร้าขอขนาดใหญ่ หากจำเลยฟันผู้เสียหายได้ถนัดถูกอวัยวะที่สำคัญ ก็อาจถึงตายได้ทันที พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้จำคุกจำเลย 10 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ทำร้ายผู้เสียหายฝ่ายเดียว จำเลยมิได้ทำร้ายผู้เสียหายเพื่อป้องกันตัวแต่ประการใด และเห็นว่าแม้อาวุธที่จำเลยใช้จะเป็นมีดพร้าขอขนาดใหญ่ และตัวมีดยาวถึง 45 เซนติเมตรก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ฟันผู้เสียหายตามโอกาสที่จะอำนวย คือขณะผู้เสียหายก้มอยู่ จำเลยก็ฟันที่กลางหลัง เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีได้ 2 ก้าว จำเลยก็ฟันถูกต้นคอ เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีต่อไป จำเลยยังวิ่งไล่กวดจะฟันผู้เสียหายซ้ำอีก บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายในระยะเวลา 2 เดือน เพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น