คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยลงข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ในหนังสือพิมพ์ที่จำเลยเป็นบรรณาธิการ จะแก้ตัวว่าข้อความที่ลงพิมพ์มีคนส่งมาจำเลยจึงลงไปไม่ต้องรับผิดชอบนั้นไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองลำพูนประเภท 2 จำเลยเป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ชาวเหนือซึ่งออกจำหน่ายแพร่หลายไปทุกตำบลในเขตภาค 5 เป็นประจำวันทุกวันที่ 5, 10, 15, 20, 25, 30 ทุกเดือน หนังสือพิมพ์นี้ฉบับลงวันที่ 20 มีนาคม 2499 หน้า 7, 8 ในช่อง “ตู้ไปรษณีย์” ได้ลงพิมพ์หัวข้อเรื่อง “สงสัยเทศบาลใช้เงิน” เป็นข้อความหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ว่า “ข้าพเจ้าราษฎรผู้เสียภาษี” ซึ่งคำว่านายเมือง ขันธโชติหรือนายเมืองทุกแห่งหมายถึงโจทก์และข้อความที่ลงพิมพ์นี้มีความหมายว่า โจทก์เป็นพรรคพวกของเทศมนตรีเกาะกินเงินโดยวิธีหาเศษหาเลยกับเงินของเทศบาลในการซ่อมถนนสายช่างฆ้อง และแย่งงานของคนงานเทศบาลมาทำ และแย่งกินเงินของเทศบาลและของคนงานเทศบาลอีกด้วย โจทก์ได้รับความเสียหายจึงต้องฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยพิสูจน์ว่าข้อความจำเลยลงพิมพ์ดังกล่าวเป็นความจริง ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 282, 284, 286 และ 66 และขอให้ประกาศคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันไม่น้อยกว่า 10 ฉบับเป็นเวลา 1 เดือน โดยคิดค่าประกาศจากจำเลย

จำเลยให้การว่า ข้อความที่จำเลยลงพิมพ์ตามฟ้องเป็นจดหมายของราษฎรที่มีตัวจริงส่งมา ไม่เป็นการหมิ่นประมาท เป็นการถามข้อสงสัย เพื่อจะได้ข้อเท็จจริงมาเสนอประชาชนตามหน้าที่ของจำเลยโดยสุจริต จำเลยมีเจตนาให้เป็นสาธารณะประโยชน์ เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงมา จำเลยก็ได้ลงพิมพ์ให้ประชาชนทราบ และจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย

ในวันพิจารณา จำเลยแถลงรับว่าจำเลยได้ลงพิมพ์มีข้อความพาดพิงถึงโจทก์จริงตามฟ้อง ความจริงจะเป็นอย่างไรไม่ทราบเมื่อมีคนมาขอให้ลงพิมพ์ก็ลงให้ เมื่อมีผู้ขอแก้ก็แก้ให้ และโจทก์รับว่าจำเลยได้นำหนังสือของผู้ว่าราชการจังหวัดลงพิมพ์จริง

แล้วโจทก์จำเลยแถลงว่าไม่ติดใจสืบพยาน คดีเป็นอันเสร็จสำนวน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 283(3)จำคุก 1 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจำให้รอไว้ และให้จำเลยนำคำพิพากษาประกาศหนังสือพิมพ์ 1 เดือนใน 15 วัน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อความที่จำเลยนำลงพิมพ์ เป็นการกล่าวติเตียนหรือหาว่าเทศบาลจ้างโจทก์มาคุมงานทำทางสายช่องฆ้องโดยไม่จำเป็น ย่อมเข้าใจว่านายเมืองโจทก์เป็นผู้รับรายได้ในการนี้ประโยคที่ว่าเป็นการแย่งกินเงินของเทศบาลอย่างน่าละอาย และตอนท้ายก็ว่าเอาเงินไปจ่ายในพวกเดียวกัน เหล่านี้เป็นข้อความที่อาจทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง อาจทำให้ถูกคนดูหมิ่น ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 282 ตอน 2 ให้ปรับ 500 บาทสถานเดียวและให้ประกาศหนังสือพิมพ์ 1 เดือน ข้อเถียงว่าจำเลยเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เป็นแต่เพียงลงจดหมายของผู้ส่งมาไม่ควรผิด ฟังไม่ขึ้นบรรณาธิการต้องรับผิดชอบในข้อความที่ลงพิมพ์โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงถ้าเพียงจะถือว่า มีความรู้เพียงว่า เมื่อมีใครมาขอให้ลงพิมพ์ก็ลงให้เท่านั้นแล้ว จำเลยก็หาควรได้รับอนุญาตให้เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวไม่ จำเลยจึงต้องมีผิด

Share