แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องของผู้ร้องบรรยายความเป็นมาของเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าโจทก์จำเลยในคดีนี้ได้สมคบกันทำการฉ้อโกงผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง อันศาลจะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งปรากฏตามคำร้องว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกต่อศาลแพ่ง คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก็แสดงว่าผู้ร้องยังไม่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอันจะถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 ศาลชอบที่จะยกคำร้องเสียได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนต่อไป เพราะถึงจะไต่สวนได้ความตามคำร้องศาลก็จะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 ไม่ได้อยู่แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2519 ขอให้จำเลยชำระเงินยืมและดอกเบี้ยรวม 2,066,250 บาท และโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2519 มีความว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์เป็นงวด ๆ ละ 100,000 บาท ศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมแล้ว ต่อมาวันที่ 11 มกราคม 2520 โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีศาลออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2520 โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงิน 1,535,515 บาท ของจำเลยที่ 1 จากธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาบุคคโล ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ได้ส่งเงินมายังกรมบังคับคดีแล้ว ธนาคารกสิกรไทย จำกัด ยื่นคำร้องว่า โจทก์และจำเลยได้สมคบกันฉ้อโกงผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ กล่าวคือเมื่อระหว่างวันที่ 15 – 19 เมษายน 2519 จำเลยที่ 1 กับพวกสมคบกันปลอมแปลงหนังสือขึ้นฉบับหนึ่งมีข้อความว่า บริษัทสหการข้าวไทยจำกัด ขอเบิกสมุดเช็ค 2 เล่มเพื่อนำไปใช้สั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากเลขที่ 8500 ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีอยู่กับสาขาถนนเสือป่าของผู้ร้อง จำเลยที่ 1 กับพวกได้สมุดเช็คไป 2 เล่ม แล้วจำเลยที่ 1 กับพวกได้ร่วมกันกรอกข้อความลงชื่อและประทับตราปลอมลงในแบบฟอร์มเช็คที่ได้รับไปสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากเลขที่ 8500 ดังกล่าวข้างต้นรวม 33 ฉบับ เป็นเงิน 3,770,000 บาท สาขาถนนเสือป่าของผู้ร้องหลงเชื่อจึงจ่ายเงินไปตามเช็คทั้ง 33 ฉบับ จากบัญชีเงินฝากเลขที่ 8500 ซึ่งบริษัทสหการข้าวไทย จำกัด มีอยู่ต่อสาขาถนนเสือป่าของผู้ร้อง โดยความจริงบริษัทสหการข้าวไทย จำกัด มิได้ออกเช็คสั่งให้จ่ายเงินดังกล่าวเลยผู้ร้องได้ร้องทุกข์ ได้มีการจับกุมจำเลยที่ 1 กับพวกมาสอบสวนและพนักงานอัยการได้ฟ้องต่อศาลแล้วในข้อหาทำปลอมเอกสารใช้เอกสารตั๋วเงินปลอมฯตามคดีหมายเลขดำที่ 11909/2519 ของศาลอาญา คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาวันที่ 19 สิงหาคม 2519 ผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกต่อศาลแพ่งเรื่องละเมิดให้ใช้เงินต้นและดอกเบี้ยตามคดีหมายเลขดำที่ 7823/2519 คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา ในการนี้ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดเงินฝากของจำเลยที่ 1 กับพวกที่ได้ไปจากผู้ร้องและฝากไว้ตามธนาคารต่าง ๆ ซึ่งศาลได้อายัดไว้แล้ววันที่ 3 กันยายน 2519 จำเลยที่ 1 กับพวกร้องขอให้ศาลสั่งถอนการอายัด ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งในวันที่ 13 ตุลาคม 2519 ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 วันที่ 21 กันยายน 2519 นางจรูญมารดาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ต่อจำนวนเงินที่ศาลสั่งอายัดไว้ วันที่ 24 กันยายน 2519 เด็กชายสมมาตรบุตรจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์อีก ศาลแพ่งไต่สวนแล้วพิพากษาให้ยกคำร้องทั้งสองฉบับ เมื่อหมดหนทางจะได้เงินจำเลยที่ 1 นางจรูญจำเลยที่ 2และโจทก์จึงได้สมคบกันทำสัญญากู้ขึ้นโดยทุจริตและฟ้องต่อศาล เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ เป็นการกู้ที่ไม่มีหลักประกันเมื่อฟ้องก็รีบทำยอม และโจทก์จะได้รับเงินในวันที่ 5 เดือนนี้ พฤติการณ์ของโจทก์จำเลยเป็นการสมคบกันฉ้อโกงผู้ร้อง ซึ่งจะได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความต่อไป ฉะนั้น ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีจึงมีความจำเป็นต้องขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีนี้ โดยระงับการจ่ายเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 เพื่อผู้ร้องจะได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญายอมดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องไม่ปรากฏว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 296 ดังที่อ้าง ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาได้พิจารณาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296แล้ว วินิจฉัยว่าคำร้องของผู้ร้องดังกล่าวข้างต้นหาได้กล่าวอ้างว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งอย่างใดไม่ เพียงแต่บรรยายความเป็นมาของเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าโจทก์จำเลยในคดีนี้ได้สมคบกันทำการฉ้อโกงผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้เท่านั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่แสดงว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวอันศาลจะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และข้อที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกต่อศาลแพ่งคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก็แสดงว่าผู้ร้องยังไม่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอันจะถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 เมื่อกรณีเป็นดังนี้ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะยกคำร้องของผู้ร้องเสียได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนต่อไป เพราะถึงจะไต่สวนได้ความตามคำร้อง ศาลก็จะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 ที่ผู้ร้องอ้างไม่ได้อยู่แล้ว
พิพากษายืน