คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1454/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยที่ว่าฝ่ายที่ประมูลเช่าทำนาพิพาทได้จะต้องนำเงินค่าเช่ามาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดหากผิดนัดฝ่ายนั้นย่อมแพ้คดีนั้น เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์คู่ความในระหว่างพิจารณา หาใช่เป็นการตกลงกันในประเด็นของคดีที่คู่ความยังพิพาทกันอยู่ไม่ เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดนัดไม่วางเงินค่าเช่านาโจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีในเงินค่าเช่านั้นได้ต่อไปศาลจะนำข้อตกลงดังกล่าวนี้มาอ้างวินิจฉัยเป็นข้อแพ้ชนะในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลย จำเลยได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์โดยเข้าไปทำไร่ในที่ดินของโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร ห้ามเกี่ยวข้องและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 และที่ 4 ให้การว่า ได้ซื้อที่พิพาทบางส่วนจากผู้มีชื่อแล้วได้ครอบครองที่ดินอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ครอบครองที่ดินต่อจากผู้มีชื่อตลอดมา โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องในที่พิพาท จำเลยที่ 1 และที่ 4 ฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 และที่ 4 ด้วย

นายวิเชียรและนางพริ้งร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมและฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นของผู้ร้องสอด

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งมีข้อความเช่นเดียวกับฟ้อง

ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อน และโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว ระหว่างพิจารณาคู่ความตกลงกันประมูลค่าเช่าในการทำนาสำหรับปี 2518 และตกลงกันด้วยว่าฝ่ายที่ประมูลได้ต้องนำเงินค่าเช่ามาวางศาลภายในกำหนด หากไม่วางเงินภายในกำหนดให้ถือว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้คดี จำเลยเป็นฝ่ายประมูลได้และได้นำเงินค่าเช่ามาวางแล้ว ในปีต่อไปได้มีการประมูลค่าเช่าในการเข้าทำนาพิพาทกันอีก จำเลยเป็นผู้ประมูลได้ แต่เมื่อถึงกำหนดวางเงินค่าเช่าจำเลยขอเลื่อนการวางเงินค่าเช่าไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตและสั่งงดสืบพยานจำเลยและวินิจฉัยว่า นอกจากพยานหลักฐานโจทก์จะฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แล้ว ยังปรากฏด้วยว่าจำเลยไม่วางเงินค่าเช่าที่พิพาทตามกำหนด จำเลยต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี พิพากษาให้จำเลยทั้งหกและบริวารออกไปจากที่พิพาทและห้ามเกี่ยวข้องต่อไป ให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย

จำเลยทั้งหกอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นนำข้อตกลงของคู่ความที่ให้ฝ่ายที่ประมูลเช่าทำนาพิพาทได้นำเงินค่าเช่ามาวางศาลภายในกำหนดเวลา หากไม่วางเงินภายในกำหนดให้ถือว่าฝ่ายนั้นแพ้คดีมาเป็นข้อวินิจฉัยในคดี และสั่งงดสืบพยานจำเลยเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยใหม่ แล้วพิพากษาตามรูปคดี

โจทก์ฎีกาขอให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมูลเช่าทำนาพิพาทได้ แต่ไม่นำเงินค่าเช่ามาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดจึงต้องแพ้คดีตามข้อตกลงนั้น ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยที่ว่า ฝ่ายที่ประมูลเช่าทำนาพิพาทได้จะต้องนำเงินค่าเช่ามาวางศาลภายในเวลาที่กำหนด หากผิดนัดฝ่ายนั้นยอมแพ้คดีนั้นเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์คู่ความในระหว่างพิจารณาหาใช่เป็นการตกลงกันในประเด็นของคดีที่คู่ความยังพิพาทกันอยู่ไม่ กรณีนี้เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดนัดไม่วางเงินค่าเช่านา โจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีในเงินค่าเช่านั้นได้ต่อไป ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2519 จำเลยเพิ่งโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 เดือนเดียวกันเกินกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นได้นั้น เห็นว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)

พิพากษายืน

Share