คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นที่เมื่อไต่สวนแล้วเห็นว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จึงมีคำสั่งไม่รับคำให้การมิใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นการสั่งตาม มาตรา199 เป็นคำสั่งโดยปกติในระหว่างการพิจารณาของศาลก่อนที่จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีอันไม่เข้ากรณีที่ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ตาม มาตรา227,228 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาแล้วพิพากษาคดีไปนั้นจึงไม่ชอบ และหามีผลแต่ประการใดไม่

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ให้นัดสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ขออนุญาตยื่นคำให้การพร้อมทั้งคำให้การยื่นมาด้วย ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกคำสั่งศาลชั้นต้นให้รับคำให้การของจำเลยทั้งสองไว้ดำเนินการพิจารณาต่อไป โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้จำเลยทั้งสองมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด จนศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้วหลังจากนั้นจำเลยทั้งสองจึงมายื่นคำร้องว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จึงขออนุญาตยื่นคำให้การพร้อมทั้งทำคำให้การมายื่นด้วย ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จึงมีคำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 โดยที่ศาลชั้นต้นยังมิได้ตรวจดูคำให้การของจำเลยทั้งสองว่าจะเรียบร้อยหรือขาดตกบกพร่องประการใด คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้จึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จึงอุทธรณ์ตามมาตรา 228(3) ไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นตามมาตรา 199 นี้ เป็นคำสั่งโดยปกติในระหว่างการพิจารณาของศาลก่อนที่จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี อันไม่เข้ากรณีที่ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ตามมาตรา 227, 228 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาแล้วพิพากษาคดีไปนั้นจึงไม่ชอบ และหามีผลแต่ประการใดไม่

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษา”

Share