คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงไปยังเรือหาปลาของผู้ตายกับพวกเป็นชุด ๆ จำนวนหลายสิบนัด ซึ่งจำเลยทั้งสี่รู้ดีว่าในเรือหาปลาดังกล่าวมีคนอยู่ จำเลย ทั้งสี่ย่อมเล็งเห็นผลว่า กระสุนปืนอาจถูกคนในเรือถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกบังอาจร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงเด็กชายเก่งนางพิจิตร นายขาว โดยเจตนาฆ่า ขณะบุคคลทั้งสามอยู่ในเรือเพื่อหาปลาในแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 และริบของกลาง

จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ

นายจันทร์บิดานางพิจิตรผู้ตายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องของกลางริบ

โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1, 2, 3, 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 จำคุกคนละ 20 ปี คำเบิกความของจำเลยที่ 1 ที่ 4 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ตามมาตรา 78 หนึ่งในห้า คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 4 คนละ 16 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1, 2, 3, 4 ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า วันเกิดเหตุเวลา 3 นาฬิกานายขาว ผู้ตายกับพวกนำเรือหาปลารวม 5 ลำ ออกช้อนปลาในแม้น้ำเจ้าพระยาทางเหนือสะพานอ่างทอง ผู้ตายกับพวกล่องเรือถึงบริเวณเหนือวัดโพธิ์ทูลที่เกิดเหตุ มีไฟฉายส่องกวาดมาจากบนฝั่งซ้ายมือมาที่เรือหาปลาแล้วมีปืนยิงมาที่เรือผู้ตายกับพวกเป็นชุด ๆ หลายนัดกระสุนปืนถูกนายขาว นางพิจิตร และเด็กชายเก่ง ซึ่งอยู่ในเรือลำเดียวกันถึงแก่ความตาย

ปัญหาว่าจำเลยที่ 1, 2, 3, 4 ได้ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแล้วเชื่อว่าจำเลยทั้งสี่ได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้องจริงและศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ใช้อาวุธปืนยิงไปยังเรือหาปลาของผู้ตายกับพวกเป็นชุด ๆ จำนวนหลายสิบนัด ซึ่งจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 รู้ดีว่าในเรือหาปลาดังกล่าวมีคนอยู่ จำเลยทั้งสี่ย่อมเล็งเห็นผลว่า กระสุนปืนอาจถูกคนในเรือถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นการร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

พิพากษายืน

Share