แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยออกเช็คให้ ม. และ ม. สลักหลังชำระหนี้ให้โจทก์โจทก์ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้ ป.นำไปเข้าบัญชีของ ป. ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ ป. จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยตรง หาใช่เป็นตัวแทนในการเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ เมื่อ ป. เป็นผู้ทรงเช็คในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อันเป็นวันเกิดเหตุ ป. จึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา การที่เช็คกลับมาอยู่ที่โจทก์ แม้จะเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ก็หามีผลให้โจทก์กลับเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่โจทก์ไม่มีอำนาจนำเช็คมาฟ้อง
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้จำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยออกเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาบางกะปิ ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2522 จำนวนเงิน 158,011 บาท ให้นายมานิตย์และนายมานิตย์สลักหลังชำระหนี้ให้โจทก์ เช็คดังกล่าวให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ โจทก์ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้นายประสิทธิ์นำไปเข้าบัญชีของนายประสิทธิ์ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพลับพลาไชย ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน เช็คดังกล่าวกลับมาอยู่ที่โจทก์ โจทก์นำมาฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยไม่สืบพยานถึงการโอนเช็คของโจทก์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคาดการณ์เอาเอง การที่โจทก์ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คว่า “ฮุย ไพโรจน์กิจถาวร” เป็นเพียงเครื่องหมายแสดงให้ทราบว่าเป็นเช็คของโจทก์ไม่ใช่เป็นการสลักหลัง ถ้าโจทก์จะสลักหลังต้องเขียนชื่อเต็มว่า “นายเอี่ยมฮุยไพโรจน์กิจถาวร” ดังปรากฏในใบแต่งทนายความและท้ายฟ้องโจทก์ยังคงเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหายเพราะนายประสิทธิ์เป็นเพียงตัวแทนโจทก์ในการเรียกเก็บเงินตามเช็ค ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ลายมือชื่อของโจทก์ด้านหลังเช็คเอกสารหมาย จ.1 เป็นอย่างเดียวกันกับในใบแต่งทนายความและท้ายฟ้องทั้งมีลักษณะอย่างเดียวกันกับลายมือชื่อตัวอย่างของโจทก์ตามเอกสารหมาย ล.1ถือเป็นการสลักหลังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916ประกอบกับมาตรา 989 โจทก์เบิกความว่า ได้สลักหลังเช็คให้นายประสิทธิ์เอาไปเข้าบัญชีของนายประสิทธิ์ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพลับพลาไชย ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังโอนเช็คให้นายประสิทธิ์เป็นการฟังจากพยานบหลักฐาน มิใช่คาดการณ์เอาเองดังฎีกาโจทก์ การที่โจทก์สลักหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้แก่นายประสิทธิ์ย่อมมีผลเป็นการโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นแก่นายประสิทธิ์แล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 920 ประกอบด้วยมาตรา 484 นายประสิทธิ์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยตรงหาใช่เป็นตัวแทนในการเรียกเก็บเงินตามเช็คดังข้อฎีกาของโจทก์ไม่ คำพิพากษาฎีกาที่ 110/2520 ที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ เมื่อนายประสิทธิ์เป็นผู้ทรงเช็คในวันที่ธนาคารจ่ายเงินอันเป็นวันเกิดเหตุตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค นายประสิทธิ์จึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาการที่เช็คกลับมาอยู่ที่โจทก์แม้จะเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือก็หามีผลให้โจทก์กลับเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจนำเช็คมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย”
พิพากษายืน