แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
มาตรา 38 พระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 บังคับแก่กรณีนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไปจากที่ ๆ ระบุไว้ เมื่อฟ้องมิได้บรรยายข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงขาดองค์ความผิดลงโทษไม่ได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอป่าซางได้ไปตั้งด่านตรวจที่ถนนสายลำพูน – ลี้ ในเขตตำบลนครเจดีย์ อำเภอป่าซาง เวลา 18.30นาฬิกา พบรถยนต์ปิคอัพคันหนึ่งไม่ปรากฏหมายเลขทะเบียนวิ่งมาจากทางอำเภอลี้ โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นคนขับ จำเลยที่ 2 นั่งมาด้วยจะมาอำเภอเมืองลำพูนจึงเรียกให้หยุดและทำการตรวจค้น พบไม้ตะเคียนแปรรูปจำนวน 18 แผ่น ปริมาณ 0.18 ลูกบาศก์เมตร บรรทุกในรถยนต์ ดังนั้นไม้ดังกล่าวไม่มีรอยตราประทับ จ่าสิบตำรวจอุดม ไชยอุประ เจ้าพนักงานตำรวจสอบถามใบเบิกทาง จำเลยว่าไม่มี จ่าสิบตำรวจอุดม ไชยอุประ กับพวกจึงจับกุมจำเลยที่ 1 ที่ 2 และยึดไม้ดังกล่าวเป็นของกลาง กล่าวหาจำเลยนำไม้แปรรูปเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทาง
โจทก์ฎีกาว่า ไม้ของกลางเป็นไม้ที่บุคคลมีไว้ในครอบครองได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย เมื่อจะนำเคลื่อนที่ก็ต้องมีใบเบิกทางกำกับด้วยกฎหมายมิได้ยกเว้นว่าการนำไม้น้อยกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตร เคลื่อนที่ไม่ต้องมีใบเบิกกำกับ การมีไม้ในครอบครองกับการนำเคลื่อนที่เป็นคนละส่วนกันกรณีของจำเลยต้องตามมาตรา 38(2) ต้องมีใบเบิกความกำกับด้วยตามมาตรา 34 จำเลยจึงต้องมีความผิดตามฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาพิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่า ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายข้อเท็จจริงตามข้อ 1 ถึงข้อ 4 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 38 เลย กล่าวคือ ถ้าเป็นการนำไม้หรือของป่าที่ทำออกตามใบอนุญาต เมื่อไปยังไม่ถึงที่ระบุไว้ในใบอนุยาตก็ยังไม่ต้องมีใบเบิกทางหรือถ้าการนำไม้ที่ทำออกโดยไม่ต้องรับอนุญาต เมื่อนำไปยังไม่ถึงด่านป่าไม้ด่านแรก หรือหากเป็นกรณีนำไม้หรือของป่าเข้ามาในราชอาณาจักรไปถึงด่านศุลกากรที่นำเข้ามาแล้ว หากยังนำไปไม่ถึงด่านศุลกากรหรือด่านตรวจศุลกากรที่นำเข้ามาแล้ว หรือกรณีที่นำไม้หรือของป่าที่รับซื้อจากทางราชการกรมป่าไม้ไปจากที่ที่ไม้หรือของป่านั้นอยู่ ก็ยังไม่จำเป็นต้องมีใบเบิกความทางตามมาตรา 34 บัญญัติห้ามมาตรา 38 บังคับแก่กรณีนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไปภายหลัง เมื่อโจทก์ มิได้บรรยายข้อเท็จจริงตามมาตรา 38 ที่กล่าวถึงข้างต้น ฟ้องของโจทก์จึงขาดองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158(5) คดีลงโทษจำเลยไม่ได้”
พิพากษายืน