คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2939/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ประเภท บริษัทจำกัด โดยโจทก์จดทะเบียนก่อนใช้ชื่อว่า บริษัทยูเนี่ยนการ์เมนท์ จำกัด จำเลยที่ 1 ใช้ชื่อว่า บริษัทดียูเนี่ยนการ์เมนท์ จำกัด เป็นการเลียนแบบถือได้ว่า เป็นการละเมิดต่อสิทธิในนามของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 18,420 โจทก์ขอให้ห้ามใช้ชื่อได้
แม้โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ในฐานะผู้เริ่มก่อการบริษัท แต่จำเลยทั้งสี่ก็ต้อง รับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในมูลละเมิด

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ห้ามมิให้จำเลยใช้ชื่อว่า “บริษัทยูเนี่ยนการ์เมนท์ จำกัด” หรือมิให้มีคำว่า “ยูเนี่ยนการ์เมนท์”อยู่ในชื่อของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยร่วมกันจัดการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทจำเลยที่ 1 มิให้ใช้คำว่า “ยูเนี่ยนการ์เมนท์” ให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์วันละ 100 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะจัดการเปลี่ยนชื่อดังกล่าว จำเลยทั้งสี่ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ใช้ชื่อว่า “บริษัทยูเนี่ยนการ์เมนท์ จำกัด”เมื่อ พ.ศ. 2517 จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 กับพวกจดทะเบียนจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ใช้ชื่อ “บริษัทดียูเนี่ยนการ์เมนท์ จำกัด” เมื่อ พ.ศ. 2520 โดยมีวัตถุประสงค์คล้ายคลึงกับของโจทก์

ที่จำเลยทั้งสี่ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 เคยจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ใช้ชื่อ “ดียูเนี่ยน” เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2515 และจดทะเบียนเลิกห้าง เมื่อ พ.ศ. 2516 แต่ยังคงประกอบกิจการพาณิชย์ โดยใช้ชื่อ “ดียูเนี่ยน” อีก โดยจดทะเบียนพาณิชย์เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2517 จึงเป็นการใช้ชื่อดังกล่าวมาก่อนโจทก์นั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้จำเลยจะเคยใช้ชื่อคำว่า “ดียูเนี่ยน” มาก่อนโจทก์ แต่จำเลยก็ได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลดียูเนี่ยน เมื่อ พ.ศ. 2516 ถือได้ว่าชื่อดังกล่าวได้ถูกเลิกใช้ไปนับแต่วันจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลนั้น และการที่จำเลยที่ 2 ประกอบกิจการพาณิชย์เป็นส่วนตัวใช้ชื่อยี่ห้อว่า “ดียูเนี่ยน” ก็หาใช่เป็นการจดทะเบียนเป็นชื่อบริษัทจำกัดอันเป็นนิติบุคคลไม่ เมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ผู้เริ่มก่อการบริษัทจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดตามกฎหมายโดยใช้ชื่อจำเลยที่ 1 ว่า “บริษัทดียูเนี่ยนการ์เมนท์ จำกัด” ซึ่งเป็นชื่อที่คล้ายคลึงกับชื่อของโจทก์ คงมีผิดกันเฉพาะแต่คำว่า “ดี” ซึ่งโจทก์ไม่มี ทั้งการตั้งชื่อบริษัทจำกัดเช่นนี้ จะพิเคราะห์แยกความหมายของคำแต่คำว่า มีความหมายอย่างใด หาได้ไม่ หากจะต้องอ่านหรือเรียกรวมกันไป คนทั่ว ๆ ไป เมื่อเห็นชื่อบริษัทโจทก์หรือจำเลยที่ 1 ย่อมจะเห็นได้อย่างถนัดชัดแจ้งว่าคล้ายคลึงกันเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ชื่อของจำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดภายหลังโจทก์ และมีชื่อเสียงคล้ายคลึงกับชื่อของโจทก์เป็นอย่างมากเป็นการเลียนแบบชื่อของโจทก์ ถือได้ว่าเป็นการละเมิดต่อสิทธิในนามของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 18, 420

ที่จำเลยทั้งสี่ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่อโจทก์เพระโจทก์มิได้ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 รับผิดในฐานะผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัทจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1115 นั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสี่ฐานละเมิด และข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวข้างต้นว่า จำเลยทั้งสี่ละเมิดต่อสิทธิในนามของโจทก์ เป็นเหตุให้ผู้มีชื่อเข้าใจผิดคิดว่าบริษัทโจทก์และบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นบริษัทเดียวกัน จึงได้ส่งเช็คสั่งจ่ายเงินในนามจำเลยที่ 1 ไปให้โจทก์ จึงเป็นที่เห็นได้ชัดแจ้งว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเพราะมีผู้เข้าใจผิดดังกล่าวข้างต้น แม้โจทก์จะมิได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ในฐานะผู้เริ่มก่อการบริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1115 แต่จำเลยทั้งสี่ก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในมูลละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 18 ประกอบด้วยมาตรา 420,421, 438 ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายให้โจทก์วันละ 100 บาท ศาลฎีกาจึงเห็นด้วยในผล”

พิพากษายืน

Share