แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยใช้ไม้เหลี่ยมขนาด 4 คูณ 2 นิ้ว ยาวประมาณ 50 ซ.ม. ตีผู้ตายเพียง 1 ทีที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ โดยจำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าสามารถทำให้ถึงตายได้ เมื่อกะโหลกศีรษะแตกเละ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายทันที แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 12 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยได้ใช้ไม้เหลี่ยมของกลางตีทำร้ายผู้ตายถึงแก่ความตาย”ฯลฯ
“พิเคราะห์แล้ว ปัญหามีว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายดังที่จำเลยฎีกาหรือไม่ ข้อนี้โจทก์มีนายเปล่า อาญาเมือง เป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุพยานกำลังถอนขนไก่อยู่ที่ลานบ้านจำเลยห่างที่เกิดเหตุประมาณ 5 วา ขณะนั้นจำเลยกับผู้ตายและนายเลิศดื่มสุรากันอยู่ เมื่อดื่มสุราได้ครู่ใหญ่ พยานได้ยินเสียงดังโพละจึงหันไปดู เห็นจำเลยใช้ไม้ยาวประมาณ 1 แขน ขนาดไม้หน้า 4×2 นิ้ว ตีผู้ตาย1 ที ผู้ตายล้มลงบนกองเสาซีเมนต์ซึ่งเป็นบริเวณที่นั่งคุยกัน และพยานยังเห็นจำเลยเงื้อไม้จะตีผู้ตายซ้ำอีก ไม่ปรากฏว่าพยานโจทก์ปากนี้มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุน่าระแวงว่าแกล้งเบิกความปรักปรำให้ร้ายจำเลย ตามคำเบิกความของจำเลยเองก็รับว่านายเปล่าพยานโจทก์ปากนี้อยู่ในที่เกิดเหตุ โดยจำเลยขอร้องให้มาช่วยขนข้าว ดังนั้นคำเบิกความของนายเปล่าพยานโจทก์ดังกล่าวจึงรับฟังเชื่อได้ว่าเห็นเหตุการณ์ดังที่เบิกความจริง หากผู้ตายใช้มีดไล่แทงจำเลยก่อนดังที่จำเลยต่อสู้แล้ว นายเปล่าพยานโจทก์ก็ย่อมต้องเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นแน่นอน เพราะขณะนั้นพยานอยู่ห่างจากที่จำเลย และผู้ตายดื่มสุรากันอยู่เพียง 5 วา ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันประมาณ 16.30 นาฬิกา แต่นายเปล่าพยานโจทก์ก็หาได้เบิกความเจือสมข้อนำสืบของจำเลยแต่อย่างใดไม่ และเมื่อนายสม ทาลาดพยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านท้องที่เกิดเหตุได้รับแจ้งจากจำเลยว่าได้ใช้ไม้ตีนายบอนตาย นายสมจึงไปดูผู้ตาย พบไม้ที่จำเลยใช้ตีผู้ตาย แต่ไม่พบมีดที่ผู้ตายใช้ไล่แทงจำเลยในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด เห็นว่า หากผู้ตายใช้มีดไล่แทงจำเลยตามที่จำเลยอ้างจริง ก็น่าที่จะมีมีดของกลางตกหล่นอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ข้อนี้จำเลยนำนางเลี่ยม จิรัมย์ มาเป็นพยานเบิกความว่าเห็นนายตนหรือโลได้มาเอามีดที่อยู่ที่มือผู้ตายไป คำเบิกความของนางเลี่ยมไม่สมเหตุสมผลเพราะเหตุเกิดเวลาประมาณ 16.30 นาฬิกา แต่นางเลี่ยมว่าวันนั้นเวลาบ่ายหนึ่งโมงได้เข้าไปที่บ้านจำเลยและพบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวมา จึงเป็นเวลาก่อนเกิดเหตุถึง 3 ชั่วโมง เช่นนี้จึงไม่น่าเชื่อว่าเป็นความจริง รับฟังไม่ได้จำเลยเองก็ไม่นำนายตนหรือโลซึ่งเป็นพยานสำคัญมายืนยันว่าเป็นคนที่เอามีดจากมือผู้ตายไป จากพฤติการณ์ดังกล่าวมารูปคดีเชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้ทำร้ายผู้ตายแต่ฝ่ายเดียว ไม่เชื่อว่าผู้ตายจะใช้มีดแทงจำเลยก่อน ฉะนั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันแต่อย่างใด ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปมีว่า การที่จำเลยใช้ไม้ของกลางตีผู้ตายนั้น จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม้ที่จำเลยใช้ตีผู้ตายนั้นเป็นไม้เหลี่ยมขนาด 4×2 นิ้ว ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร นับว่าเป็นไม้เหลี่ยมขนาดใหญ่แม้จะตีผู้ตายเพียง 1 ที แต่ก็ตีที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ โดยจำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าสามารถจะทำให้ผู้ถูกตีนั้นถึงแก่ความตายได้ ประกอบกับลักษณะบาดแผลของผู้ตายตามรายงานผลการตรวจชันสูตรพลิกศพของแพทย์แสดงเหตุที่ตายว่า บริเวณศีรษะและหน้าถูกตีด้วยของแข็งอย่างแรงทำให้อวัยวะภายในบริเวณศีรษะกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง กะโหลกศีรษะแตกเละ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายทันที เช่นนี้ย่อมส่อแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย”
พิพากษายืน