แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นการพนัน ขอให้ริบของกลางจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา และยื่นคำร้องว่าโต๊ะบิลเลียดไฟฟ้าของกลางไม่ใช่ของจำเลย เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุว่าโต๊ะบิลเลียดไฟฟ้าของกลางเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย จึงถือได้ว่าจำเลยรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ ทุกประการอยู่ศาลจะพิพากษาริบของกลางหรือไม่นั้น อยู่ในดุลพินิจของศาล
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน ริบของกลาง
จำเลยทุกคนให้การรับสารภาพและจำเลยที่ 1, 2 ยื่นคำร้องว่าโต๊ะบิลเลียดไฟฟ้าของกลางหาใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลยไม่ โดยจำเลยได้เช่ามา ขออย่าได้พิพากษาริบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย ส่วนโต๊ะบิลเลียดไม่ริบเพราะเป็นของผู้อื่น
โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่จำเลยยื่นคำร้องว่าโต๊ะบิลเลียดของกลางไม่ใช่ของจำเลย หาควรฟังว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องไม่ศาลควรคืนตัวจำเลยที่ 1, 2 ให้โจทก์รับไปดำเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติศาลแขวงฯ มาตรา 20
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้เล่นการพนันบิลเลียดไฟฟ้าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยโต๊ะบิลเลียดไฟฟ้าเป็นของกลางจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา จึงถือได้ว่าจำเลยได้รับสารภาพตามฟ้องทุกประการแล้ว โจทก์ไม่ได้ระบุว่าโต๊ะบิลเลียดไฟฟ้าเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย การที่จำเลยที่ 1, 2 ยื่นคำร้องว่าโต๊ะบิลเลียดไฟฟ้ามิใช่เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยนั้น ยังถือได้ว่าจำเลยรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการอยู่ ส่วนการที่ศาลจะริบโต๊ะบิลเลียดไฟฟ้าของกลางหรือไม่ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาล
พิพากษายืน