คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พินัยกรรมมีความว่า ‘ฯลฯ ข้อ 1(1) ที่ดินหนึ่งแปลงตาม ส.ค.1 เลขที่ 64 อยู่หมู่ 4 ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง เนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน 4 วา ฯลฯ ข้อ 3 ทรัพย์สินตามข้อ 1 ข้าพเจ้าขอมอบให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่บุตรของข้าพเจ้าจำนวน 2 คน ตามส่วนดังนี้ 1 ที่ดินตามข้อ 1(1) ทางด้านทิศตะวันออก จำนวนเนื้อที่ดิน 2 ไร่ ให้แก่นายจำลอง เดชเรืองศรี2 ที่ดินตามข้อ 1(1) ส่วนที่เหลือทั้งหมดจากที่แบ่งให้นายจำลอง เดชเรืองศรีแล้วข้าพเจ้าขอยกให้แก่นางบุญช่วย พันธ์เขียว แต่ผู้เดียว ฯลฯ’ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าเจ้ามรดกมีที่ดินแปลงเดียว ที่ดินมรดกแปลงนี้มีเนื้อที่ถึง 18 ไร่ 93 ตารางวาตามพินัยกรรมข้อ 1(1) เจ้ามรดกเจตนาทำพินัยกรรมยกที่ดินทั้งแปลงที่ตนมีอยู่ให้แก่โจทก์จำเลยการที่ระบุเนื้อที่ไว้เพียง 6 ไร่ 2 งาน 4 วา ก็เห็นได้ว่าเป็นการระบุเนื้อที่ตาม ส.ค.1 ที่แจ้งไว้แต่เดิม ซึ่งอาจเป็นการประมาณ ย่อมมากหรือน้อยจากความจริงก็ได้ ไม่มีเหตุที่เจ้ามรดกตั้งใจทำพินัยกรรมเฉพาะ 6 ไร่ 2 งาน 4 วา ส่วนที่เหลือให้เป็นมรดกไม่มีพินัยกรรมโจทก์ (นายจำลอง) จึงมีสิทธิได้รับที่ดินมรดกเพียง 2 ไร่ด้านตะวันออก ที่ดินที่เหลือทั้งหมดจากที่แบ่งให้โจทก์จึงตกเป็นของจำเลย (นางบุญช่วย) ตามพินัยกรรมข้อ 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นบุตรนายอาจ นางนิลซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว มีทรัพย์คือที่ดินปลูกบ้านและทำสวน 1 แปลง ฯลฯ นางนิลทำพินัยกรรมยกที่ดินให้โจทก์จำเลยคนละ 2 ไร่ อีก 2 ไร่ให้เป็นของผู้อุปการะศพนางนิล มีที่เหลือเป็นมรดก 13 ไร่เศษ โจทก์ขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์ตามพินัยกรรมและนอกพินัยกรรม จำเลยไม่ยอมแบ่ง ขอให้ศาลผพิพากษาบังคับจำเลยแบ่งที่ดิน 2 ไร่ ตามพินัยกรรม ราคา 1,000 บาท ให้โจทก์ แบ่งเรือนให้โจทก์ครึ่งหนึ่งราคา 5,000 บาท และแบ่งที่ดินที่ไม่ได้ทำพินัยกรรมอีก 6 ไร่ 2 งานเศษ ราคา 3,250 บาทให้โจทก์ ฯลฯ

จำเลยให้การว่า ที่ดินมีเนื้อที่ 10 ไร่เศษ นางนิลทำพินัยกรรมยกที่ดินแปลงนี้ ด้านตะวันออกให้โจทก์ 2 ไร่ ที่เหลือทั้งหมดให้จำเลย จำเลยยอมแบ่งให้ตามพินัยกรรม แต่โจทก์ไม่ยอม

ทางพิจารณาโจทก์ยอมสละข้อเรียกร้องเกี่ยวกับเรือนพิพาทและยอมรับว่าจำเลยเป็นผู้จัดการศพนางนิล มีปัญหาโต้เถียงกันเฉพาะที่ดินมรดกว่า โจทก์มีส่วนได้เท่าใด ที่ดินมรดกมีเนื้อที่ 8 ไร่ 93 ตารางวาตามแผนที่กลางที่พนักงานศาลทำขึ้น

โจทก์จำเลยขอให้ศาลตีความพินัยกรรมของนางนิลเจ้ามรดกว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเพียง 2 ไร่หรือเกินกว่า 2 ไร่ ขอให้ถือเป็นข้อแพ้ชนะโดยโจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินตามพินัยกรรมของนางนิลเจ้ามรดกยกให้แต่โจทก์จำเลยหมายเฉพาะที่ดิน 6 ไร่ 2 งาน 4 ตารางวา ที่กล่าวในพินัยกรรมข้อ 1(1) เท่านั้น เมื่อหักออกจากที่ดินทั้งหมด 18 ไร่เศษแล้ว ที่ดินที่เหลือย่อมเป็นทรัพย์นอกพินัยกรรมซึ่งต้องแบ่งให้โจทก์จำเลยอีกคนละครึ่ง พิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินตามพินัยกรรม ล.1 ข้อ 1(1) ด้านตะวันออกให้โจทก์ 2 ไร่ ที่เหลืออีก 4 ไร่ 2 งาน 4 ตารางวา ตกเป็นของจำเลยตามพินัยกรรม และให้จำเลยแบ่งที่ดินตามแผนที่พิพาทเมื่อหัก 6 ไร่ 2 งาน 4 ตารางวา ออกแล้วให้โจทก์อีกกึ่งหนึ่ง ฯลฯ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เจ้ามรดกทำพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2507 มีข้อความว่า

ข้อ 1 ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่กรรมลงไปแล้ว มรดกทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่ และที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิแก่ผู้ที่ได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนซึ่งกำหนดไว้ดังต่อไปนี้

1. ที่ดินหนึ่งแปลงตาม ส.ค.1 เลขที่ 64 อยู่หมู่ที่ 4 ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง เนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน 4 วา ฯลฯ

ข้อ 2. …………ฯลฯ…………

ข้อ 3. ทรัพย์สินตามข้อ 1 ข้าพเจ้าขอมอบให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่บุตรของข้าพเจ้าจำนวน 2 คนตามส่วนดังนี้

1. ที่ดินตามข้อ 1(1) ทางด้านทิศตะวันออก จำนวนเนื้อที่ดิน 2 ไร่ ให้แก่นายจำลอง เดชเรืองศรี

2. ที่ดินตามข้อ 1(1) ส่วนที่เหลือทั้งหมดจากการที่แบ่งให้นายจำลอง เดชเรืองศรี แล้ว ข้าพเจ้าขอยกให้แก่นางบุญช่วย พันธ์เขียวแต่ผู้เดียวฯลฯ

มีปัญหาตามพินัยกรรมของนางนิลเจ้ามรดก โจทก์มีสิทธิจะได้รับมรดกที่ดินเพียง 2 ไร่ หรือเกินกว่า 2 ไร่ ศาลฎีกาเห็นว่าตามพินัยกรรมข้อ 1(1) ฟังได้ว่านางนิลเจ้ามรดกมีทรัพย์มรดกเป็นที่ดินอยู่แปลงเดียว ตามที่ได้แจ้ง ส.ค.1 ไว้ เลขที่ 64 ว่ามีเนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน 4 วา และตามพินัยกรรมข้อ 3. เจ้ามรดกมีความประสงค์จะแบ่งที่ดินแปลงนี้ด้านตะวันออกให้แก่นายจำลองโจทก์เพียง 2 ไร่ ที่ดินส่วนที่เหลือทั้งหมดยกให้นางบุญช่วยจำเลยโดยให้จำเลยเป็นผู้จัดการทำศพเจ้ามรดก ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพินัยกรรมข้อ 1(1) นางนิลเจ้ามรดกเจตนาทำพินัยกรรมยกที่ดินทั้งแปลงที่ตนมีอยู่ให้แก่โจทก์จำเลย การที่ระบุไว้เพียง 6 ไร่2 งาน 4 วา ก็เห็นได้ว่าเป็นการระบุเนื้อที่ตาม ส.ค.1 ที่แจ้งไว้แต่เดิมซึ่งอาจเป็นการประมาณ ย่อมมากหรือน้อยจากความจริงก็ได้แต่ถึงอย่างไรก็ย่อมหมายถึงที่ดินหมดทั้งแปลงที่เจ้ามรดกมีอยู่ไม่มีเหตุผลที่น่าคิดเลยว่าเจ้ามรดกตั้งใจทำพินัยกรรมเฉพาะ 6 ไร่ 2 งาน 4 วา ที่เหลือให้เป็นมรดกไม่มีพินัยกรรม เมื่อแปลว่าที่ดินมรดกตามพินัยกรรมข้อ 1(1) หมายถึงที่ดินทั้งแปลงที่เจ้ามรดกมีอยู่ คือ 18 ไร่เศษตามแผนที่กลางและข้อเท็จจริงรับกันว่าจำเลยเป็นผู้จัดการทำศพนางนิลเจ้ามรดก โจทก์จึงมีสิทธิได้รับที่ดินมรดกเพียง 2 ไร่ด้านตะวันออก ที่ดินที่เหลือทั้งหมดจากที่แบ่งให้โจทก์จึงตกเป็นของจำเลยตามพินัยกรรมข้อ 3 โจทก์ต้องแพ้คดีตามคำท้า

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็น ให้แบ่งที่ดินมรดกของนางนิลเจ้ามรดกให้โจทก์ได้รับ 2 ไร่ทางด้านทิศตะวันออก คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยกเสีย

Share