คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายประกันได้ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีหนึ่ง ต่อมาผู้ต้องหานั้นถูกจับในอีกคดีหนึ่ง และได้หลบหนีการควบคุมไปได้เมื่อปรากฏว่านายประกันไม่ได้ขอถอนสัญญาประกันและส่งมอบตัวผู้ต้องหาต่อเจ้าพนักงานผู้ต้องหาจึงยังอยู่ในระหว่างประกันตัวในคดีแรกอยู่เมื่อนายประกันไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีได้นายประกันจะต้องรับผิดตามสัญญาประกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาประกัน ไม่ส่งตัวผู้ต้องหาแก่พนักงานสอบสวนขอให้จำเลยใช้เงินตามสัญญาประกัน

จำเลยให้การว่า ผู้ต้องหาที่จำเลยประกันตัวได้หลบหนีการควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจไปในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวในข้อหาว่ากระทำผิดในคดีอื่น จำเลยไม่ต้องรับผิด

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้นายประกันใช้เงินตามสัญญาประกัน

จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่สามารถส่งตัวนายหมัดให้พนักงานสอบสวนได้เป็นเหตุพ้นวิสัย เพราะตำรวจจับกุมตัวนายหมัดในข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครอง ระหว่างที่นายหมัดมีประกันตัวไปในข้อหาฐานบุกรุก การที่ตำรวจปล่อยให้นายหมัดหลบหนีไปได้จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ตำรวจจับตัวนายหมัดในข้อหาฐานมียาเสพติดไว้ในความครอบครอง หาทำให้สัญญาประกันระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นสุดลงไม่ เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 116 สัญญาประกันจะสิ้นสุดลงต่อเมื่อมีการขอถอนสัญญาประกันและส่งมอบตัวผู้ต้องหาต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งจำเลยก็ยอมรับว่าไม่เคยขอถอนสัญญาประกันและส่งมอบตัวนายหมัดให้พนักงานสอบสวน การที่นายหมัดหนีการควบคุมของเจ้าพนักงานไปได้นั้น เป็นการหนีการควบคุมในข้อหาฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ส่วนข้อหาฐานบุกรุกนั้นนายหมัดอยู่ในระหว่างประกันตัว โดยมีจำเลยเป็นผู้ประกันเมื่อจำเลยส่งตัวนายหมัดให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีฐานบุกรุกไม่ได้จำเลยก็ต้องรับผิดตามสัญญา

พิพากษายืน

Share