คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมห้างโจทก์กับบริษัทจำเลยที่ 1 ติดต่อค้าขายกันมาหลายปีโดยโจทก์ซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 1 ต่อมาโจทก์เลิกซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 1 และยังค้างชำระค่าสินค้าจำเลยที่ 1 อยู่ จำเลยที่ 1 ได้ทวงถามโจทก์ให้ชำระหนี้หลายครั้งแล้ว โจทก์ไม่ชำระ จึงได้มีประกาศโฆษณาลงในหนังสือพิมพ์ข้อความว่า ให้โจทก์จัดการชำระหนี้ที่ค้างจำเลยที่ 1 ภายใน7 วันมิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย ดังนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 1และที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และส่วนตัว เป็นผู้จัดให้มีการประกาศข้อความดังกล่าวก็ตามข้อความที่ประกาศนั้นก็เป็นเรื่องคำเตือนให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะกระทำได้ตามกฎหมาย ทั้งข้อความที่ประกาศก็ไม่มีข้อความใดที่เป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการคนหนึ่งของจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำการประกาศโฆษณาทวงหนี้จากโจทก์ในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ โดยเจตนาทุจริตที่ต้องการใส่ความโจทก์ ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 83

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ปรับ 2,000 บาท ยกฟ้องจำเลยที่ 1

โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเดิมห้างโจทก์กับบริษัทจำเลยที่ 1ติดต่อค้าขายกันมาหลายปี โดยโจทก์ซื้อสินค้าเครื่องแก้วจากจำเลยที่ 1 ต่อมาเมื่อเดือนตุลาคม 2520 โจทก์เลิกติดต่อซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 1 และยังค้างชำระหนี้ค่าสินค้าจำเลยที่ 1 อยู่ เพียงแต่โต้เถียงกันเกี่ยวกับจำนวนหนี้ โดยโจทก์อ้างว่าถ้าคิดบัญชีหักส่วนลดแล้ว โจทก์จะเป็นหนี้ประมาณ 9,000 บาทเศษส่วนจำเลยที่ 1 ว่าโจทก์เป็นหนี้ 19,000 บาทเศษ และไม่มีสิทธิได้รับส่วนลดเพราะไม่ชำระหนี้ตามกำหนด จำเลยที่ 1 ได้ทวงถามโจทก์ให้ชำระหนี้หลายครั้งแล้วแต่โจทก์ไม่ชำระ ต่อมาเมื่อเดือนตุลาคม 2521 ได้มีประกาศโฆษณาลงในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับมีข้อความว่า “บริษัทสยามกล๊าส จำกัด ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถ้วยแก้วตราสามเหลี่ยมขององค์การแก้ว กระทรวงกลาโหมได้มอบอำนาจให้สำนักงานทนายความนี้แจ้งแก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลแหลมไทยอยู่ที่แขวงจักรวรรดิ์ให้จัดการชำระหนี้ที่ค้างแก่บริษัทสยามกล๊าส จำกัดภายในกำหนด 7 วันนับแต่ได้เห็นประกาศนี้ มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย”สำนักงานทนายความนายสุนทร แซ่แต้ ผู้แจ้งคดีมีปัญหาว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และส่วนตัว เป็นผู้จัดให้มีการประกาศโฆษณาข้อความดังกล่าวในหนังสือพิมพ์ก็ตาม ข้อความที่ประกาศไปนั้นก็เป็นเรื่องจำเลยที่ 1มีคำเตือนโจทก์ ลูกหนี้ให้ชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 204 วรรคแรกเท่านั้น ซึ่งจำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะกระทำได้ตามกฎหมาย เพราะโจทก์เป็นหนี้ค้างชำระค่าสินค้าจำเลยที่ 1 อยู่จริง และได้ทวงถามหลายครั้งแล้วแต่โจทก์ไม่ชำระและโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกลั่นแกล้งลงประกาศในหนังสือพิมพ์โดยมีเจตนาไม่สุจริต ทั้งข้อความที่ประกาศในหนังสือพิมพ์นั้น ก็ไม่มีข้อความใดที่เป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงในทางการค้าหรือถูกดูหมิ่นการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

พิพากษายืน

Share