คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยได้ฉีกสัญญากู้จนขาดออกเป็นชิ้น ๆ โจทก์ร่วมต้องเอามาต่อติดกันจึงอ่านข้อความได้ เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยได้ทำให้สัญญากู้เสียหายแล้ว หาจำต้องทำให้สูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับจนกระทั่งไม่มีรูปเป็นเอกสารไม่เข้าเกณฑ์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 แล้ว
เมื่อจำเลยได้ฉีกสัญญาขาดออกจากกันแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำผิดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเพทุบายกล่าวเอาหนังสือสัญญากู้ระหว่างจำเลยผู้กู้และนายฝนผู้เสียหายผู้ให้กู้ไปฉีกทำลายเสียเป็นชิ้น ๆ โดยประการที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่นายฝนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ให้จำคุก 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ฉีกสัญญากู้จริง และเห็นว่าการที่จำเลยได้ฉีกสัญญากู้จนขาดออกเป็นชิ้น ๆ โจทก์ร่วมต้องเอามาต่อติดกันจึงอ่านข้อความได้ เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยได้ทำให้สัญญากู้เสียหายแล้ว หาจำต้องทำให้สูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับจนกระทั่งไม่มีรูปเป็นเอกสารไม่เพียงแต่ฉีกสัญญาขาดออกจากกัน ก็เป็นการกระทำอันน่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม เข้าเกณฑ์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 แล้ว หาใช่จะต้องฉีกทำลายจนใช้ไม่ได้ผลไม่ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1418/2506 ที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยยังอยู่ในชั้นพยายามนั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยได้ฉีกสัญญาขาดออกจากกันแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำผิดไม่ แต่ที่ศาลชั้นต้นวางกำหนดโทษจำคุกจำเลยไว้ 2 ปีนั้น มากเกินไปทั้งจำเลยในคดีนี้ก็เป็นหญิง

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะกำหนดโทษ เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนที่จำเลยขอให้รอการลงโทษแก่จำเลยด้วยนั้น เห็นว่า ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลยได้

Share