แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้ตกลงขายที่พิพาทให้แก่ผู้จะซื้อ โดยได้รับชำระราคาส่วนหนึ่งแล้วแม้ลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยในสัญญาจะซื้อจะขายจะไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคนตามกฎหมายจึงถือไม่ได้ว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของจำเลย แต่ก็ถือได้ว่าการซื้อขายรายนี้ได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2510 นายดือราแมได้ซื้อที่ดินสวนยางตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 377 หมู่ 5 ตำบลเขาตูมอำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี จากจำเลยในราคา 20,000 บาท จำเลยได้รับเงินและส่งมอบที่ดินให้นายดือราแมครอบครองเป็นเจ้าของแล้ว แต่ยังไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ติดต่อให้จำเลยจัดการโอนทะเบียนแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนซื้อขายโอนชื่อให้ผู้เยาว์ทั้งสี่ หากไม่ยอมไปโอนก็ขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การว่า ไม่เคยขายและมอบการครอบครองให้แก่นายดือราแมหนังสือสัญญามัดจำเป็นสัญญาปลอม จำเลยไม่ได้รับเงินจากนายดือราแมลายพิมพ์นิ้วมือในเอกสารสัญญาทุกแห่งไม่ใช่ของจำเลย ไม่มีพยานรับรองสองคนตามกฎหมาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายตาม น.ส.3 เลขที่ 377 ให้แก่ผู้เยาว์ทั้งสี่หากไม่ไปโอนก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระเงินอีก 6,000 บาทแก่จำเลยแล้วให้จำเลยจดทะเบียนซื้อขายโอนที่พิพาทแก่ผู้เยาว์ทั้งสี่หนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ตกลงขายที่พิพาทให้แก่นายดือราแมโดยได้รับชำระราคาส่วนหนึ่งแล้ว ในปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ว่า สัญญาจะซื้อขายที่พิพาทมีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือจำเลยเพียงคนเดียวถือเสมือนมิได้ทำสัญญากันไว้เป็นหนังสือโจทก์จึงฟ้องร้องบังคับไม่ได้นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยในสัญญาจะซื้อจะขายจะไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคนตามกฎหมายถือไม่ได้ว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลย แต่ก็ถือได้ว่าการซื้อขายรายนี้ได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้วโจทก์ย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง
พิพากษายืน