คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าซื้อสินค้าจากจำเลย จำเลยให้การ ต่อสู้คดีว่าหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยในกรณีนี้มิได้ ติดค้างกันแต่อย่างใด โดยมิได้อ้างเหตุว่าที่ไม่มีหนี้สินติดค้างกันนั้นเพราะเหตุใด จึงเป็นคำให้การที่ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งเหตุแห่งการนั้นตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 บัญญัติไว้จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานมาสืบตามที่ให้การต่อสู้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ซื้อสินค้าพลาสติกแผ่นจากโจทก์หลายครั้งแล้วไม่ชำระราคา จึงขอบังคับให้จำเลยชำระราคาสินค้าและดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยในกรณีนี้ไม่ติดค้างกันแต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า จำเลยมีสิทธินำพยานมาสืบตามที่ให้การต่อสู้หรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าซื้อสินค้าจำนวน 68,112 บาท 50 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยจากจำเลยจำเลยให้การต่อสู้คดีว่า หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยในกรณีนี้มิได้ติดค้างกันแต่อย่างใด ศาลฎีกาเห็นว่าคำให้การต่อสู้คดีที่ว่า หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยในกรณีนี้มิได้ติดค้างกันแต่นั้นอย่างใด จำเลยมิได้อ้างเหตุตั้งประเด็นไว้ว่า ที่ไม่มีหนี้สินติดค้างกันนั้นเพราะเหตุประการใด เช่น จำเลยได้ใช้หนี้ให้แก่โจทก์ทั้งหมดแล้วหรือได้มีการหักกลบลบหนี้กันไปแล้ว หรือหนี้สินได้กลื่อนกลืนกันไปแล้วเป็นต้น จึงเป็นคำให้การที่ไม่แสดงให้ชัดแจ้งซึ่งเหตุแห่งการนั้นตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 บัญญัติไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานมาสืบตามที่ให้การต่อสู้ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำให้การของจำเลยมีประเด็นทีจะนำสืบได้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยในข้ออื่นต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

Share