แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะได้ฟ้องจำเลยให้รับผิดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาแต่มูลละเมิดภายในกำหนดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 วรรคแรกแล้วก็ตามแต่เมื่อได้ขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3)ปรากฏว่าล่วงพ้นกำหนดอายุความดังกล่าวแล้ว สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยร่วมจึงเป็นอันขาดอายุความฟ้องร้องเพราะกำหนดอายุความย่อมเป็นไปเพื่อคุณและโทษแก่ลูกหนี้แต่ละคนโดยเฉพาะ
กรณีดังกล่าวจำเลยร่วมย่อมมีสิทธิเสมือนว่าตนถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 58วรรคแรกหาได้มีสิทธิเท่ากับจำเลยไม่ จำเลยร่วมจึงมีสิทธิยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้และกำหนดอายุความสำหรับจำเลยร่วมต้องถือตามวันที่โจทก์ขอให้หมายเรียกเข้ามาในคดีมิใช่ถือตามคำฟ้องเริ่มต้นคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาแต่มูลละเมิดรถยนต์ชนกันในฐานะเป็นนายจ้าง เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 135,150 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยมิได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์คันที่ชนกับรถโจทก์ และมิได้เป็นนายจ้างของผู้ขับขี่รถยนต์คันที่ชนกับรถยนต์ของโจทก์เหตุที่เกิดรถชนกันเป็นเพราะความประมาทของคนขับรถยนต์ของโจทก์ โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายมากเกินไป ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์ขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดทวีแสงพืชผลเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การว่า รถยนต์คันที่ชนกับรถยนต์ของโจทก์เป็นของจำเลยร่วม คดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่มีการกระทำละเมิดเหตุที่รถชนกันเป็นเพราะความประมาทของลูกจ้างโจทก์ ค่าเสียหายโจทก์เรียกร้องมากเกินไป
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รถยนต์คันที่ชนรถยนต์ของโจทก์เป็นของจำเลยร่วมรวมทั้งคนขับก็เป็นลูกจ้างของจำเลยร่วม แต่โจทก์ขอให้หมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเกินกว่า 1 ปีนับแต่วันละเมิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 พิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยและจำเลยร่วม โดยกำหนดค่าทนายความ สำหรับจำเลย 600 บาท และจำเลยร่วม 600 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์รู้ตัวจำเลยร่วมผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่มีการละเมิดนั้นเอง แต่โจทก์เพิ่งขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2522 ซึ่งล่วงพ้นกำหนดหนึ่งปีแล้ว สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยร่วม จึงเป็นอันขาดอายุความฟ้องร้อง แม้โจทก์จะได้ยื่นฟ้องจำเลยภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่มีการละเมิด ก็หาเป็นเหตุทำให้อายุความสำหรับจำเลยร่วมสะดุดอยู่หรือสะดุดหยุดลงแต่อย่างใดไม่ เพราะกำหนดอายุความย่อมเป็นไปเพื่อเป็นคุณและโทษแก่ลูกหนี้แต่ละคนโดยเฉพาะ และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าเมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันละเมิด แม้โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี อายุความสิทธิเรียกร้องของโจทก์ก็ต้องถือตามคำฟ้องเริ่มต้นคดีเพราะจำเลยร่วมมีสิทธิเท่ากับจำเลยเท่านั้นโดยวินิจฉัยว่าจำเลยร่วมเข้ามาในคีดนี้โดยถูกหมายเรียกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) จึงย่อมมีสิทธิเสมือนหนึ่งว่าตนถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 58 วรรคแรก หาต้องห้ามมิให้ใช้สิทธินอกเหนือจากจำเลยดังกรณีร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) แต่อย่างใดไม่ จำเลยร่วมจึงมีสิทธิยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ และกำหนดอายุความสำหรับจำเลยร่วมต้องถือตามวันที่โจทก์ขอให้หมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีมิใช่ถือตามคำฟ้องเริ่มต้นคดี
พิพากษายืน