แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์รายพิพาทไว้กับจำเลย แต่กรมธรรม์ประกันภัยระบุชื่อผู้เอาประกันภัยผิดพลาดไป กรณีถือได้ว่าจำเลยกับโจทก์มีเจตนาอันแท้จริงที่จะผูกพันต่อกันในฐานะคู่สัญญา เมื่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด ใช้ชื่อว่า”ห้างหุ้นส่วนจำกัด สหะ ส.ล.ขนส่ง” ต่อมาจดทะเบียนเลิกห้างและจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยได้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียนปจ.00810 จากโจทก์มีกำหนด 1 ปี ต่อมาภายในอายุสัญญานายสมนึกคนขับรถยนต์ของโจทก์ได้ขับรถบรรทุกดังกล่าวชนขบวนรถไฟ รถยนต์ของโจทก์เสียหายหกหมื่นบาทเศษและรถไฟเสียหายสามหมื่นบาทเศษ โจทก์ซ่อมรถของโจทก์และชดใช้ค่าเสียหายให้แก่การรถไฟฯ ไปแล้ว ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินทั้งสองจำนวน
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้รับประกันภัยรถยนต์ตามฟ้องไว้จากโจทก์แต่รับประกันภัยไว้จากห้างหุ้นส่วนจำกัด สหะ ส.ล.ขนส่ง โจทก์ไม่อาจรับโอนสิทธิตามสัญญาและต่อสู้ในข้ออื่นอีกหลายประการ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องโดยอ้างว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยแต่ตามกรมธรรม์ประกันภัยระบุว่าผู้เอาประกันภัยชื่อ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด สหะ ส.ล.ขนส่ง”เป็นคนละคนกับโจทก์ โจทก์ไม่ใช่คู่สัญญา จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์กล่าวยืนยันว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยแม้สำเนากรมธรรม์ประกันภัยท้ายฟ้องอันเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องจะระบุว่าห้างหุ้นส่นจำกัด สหะ ส.ล.ขนส่ง เป็นผู้เอาประกันภัย แต่จากการนำสืบของโจทก์แสดงว่ากรมธรรม์ประกันภัยระบุชื่อผู้เอาประกันภัยผิดพลาดไป จำเลยมิได้นำสืบเลยว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวเป็นนิติบุคคลต่างหากจากตัวโจทก์และมีตัวตนอยู่ ณ ที่ใด ศาลฎีกาเชื่อตามข้อนำสืบของโจทก์ว่า โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์รายพิพาท แต่กรมธรรม์ประกันภัยระบุชื่อผู้เอาประกันภัยผิดพลาดไปกรณีถือได้ว่าจำเลยกับโจทก์มีเจตนาอันแท้จริงที่จะผูกพันต่อกันในฐานะคู่สัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามรูปคดี