แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะตั้งข้อหาในฟ้องว่า ซื้อขาย เช็ค แต่คำฟ้องของโจทก์ที่แท้จริงอยู่ที่คำบรรยายฟ้องเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องมาเป็นเรื่องจ้างทำของก็ต้องถือว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องสัญญาจ้างทำของ เช็คที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเป็นเพียงการอ้างถึงหลักฐานแห่งการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของจำเลยที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระเท่านั้น
สัญญาจ้างทำของกฎหมายมิได้บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ดังนั้น แม้โจทก์จะมิได้แนบสัญญาจ้างทำของหรือบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คมาในฟ้อง หรือบรรยายรายละเอียดว่าจำเลยสั่งให้โจทก์ทำตั้งแต่วันใด กี่คราวบ้าง ก็เป็นเรื่องรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่
ขณะโจทก์ยื่นฟ้องโจทก์ยังมีสภาพเป็นนิติบุคคลอยู่โดยมีช.เป็นผู้จัดการเมื่อจดทะเบียนเลิกห้างแล้วช. เป็นผู้ชำระบัญชีของโจทก์ต่อมาช. จึงมีฐานะเป็นผู้แทนของโจทก์เพื่อชำระสะสางการงานของห้างโจทก์ให้เสร็จไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249,1250 และ 1252 โดยผู้ชำระบัญชีไม่จำต้องแต่งทนายความให้มาดำเนินคดีใหม่หรือยื่นคำร้องต่อศาลขอเข้าดำเนินคดีแทนห้างโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีนายชูชีพ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยได้สั่งซื้อภาชนะพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำมันเครื่องจากโจทก์เป็นจำนวนมากและหลายครั้งโดยจำเลยสัญญาว่าจะชำระราคาในทันทีที่ได้รับสินค้า โจทก์ส่งสินค้าให้จำเลยเป็นเงิน 229,117.20 บาท และค่าทำแบบพิมพ์อีก 4,000 บาท จำเลยชำระหนี้บางส่วนด้วยเช็คลงวันที่ล่วงหน้า ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค 9 ฉบับ โจทก์ทวงถามจำเลยชำระให้โจทก์รวม 60,000 บาท คงค้างชำระอีก173,117.20 บาท จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ขณะฟ้องโจทก์จดทะเบียนเลิกห้างแล้วจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยติดต่อซื้อภาชนะพลาสติกจากโจทก์จริง แต่เป็นหนี้โจทก์เพียง 131,064.75 บาทและจำเลยได้ชำระให้โจทก์หมดสิ้นแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่มีรายการสำเนาหรือภาพถ่ายสัญญาซื้อขายหรือบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 156,517.20 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะตั้งข้อหาในฟ้องว่า ซื้อขายเช็ค แต่คำฟ้องของโจทก์ที่แท้จริงอยู่ที่คำบรรยายฟ้อง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องมาเป็นเรื่องจ้างทำของก็ต้องถือว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องสัญญาจ้างทำของมิใช่เรื่องซื้อขายหรือเช็ค ซึ่งเมื่อพิจารณาคำฟ้องของโจทก์โดยตลอดแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลล่างทั้งสองที่วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยตามสัญญาจ้างทำของส่วนเช็คที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเป็นเพียงการอ้างถึงหลักฐานแห่งการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของจำเลยที่โจทก์ยังมิได้รับชำระเท่านั้นโดยเฉพาะสัญญาจ้างทำของนั้นกฎหมายมิได้บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ดังนั้นแม้โจทก์จะมิได้แนบสัญญาจ้างทำของและบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คมาในฟ้องดังที่จำเลยให้การต่อสู้ และไม่ได้บรรยายรายละเอียดว่าจำเลยสั่งให้โจทก์ทำตั้งแต่วันใดกี่คราวบ้าง ก็เป็นรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมชอบแล้ว
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องโจทก์ยังมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย และปรากฏตามเอกสารหมาย จ.48 ว่านายชูชีพผู้จัดการห้างโจทก์นั้นเองเป็นผู้ชำระบัญชีของโจทก์ต่อมาภายหลังการจดทะเบียนเลิกห้างนายชูชีพผู้ชำระบัญชีจึงมีฐานะเป็นผู้แทนของโจทก์เพื่อชำระสะสางการงานของห้างโจทก์ให้เสร็จไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249, 1250 และ 1252ทั้งนี้โดยผู้ชำระบัญชีไม่จำต้องแต่งทนายความให้มาดำเนินคดีใหม่หรือยื่นคำร้องต่อศาลขอเข้าดำเนินคดีแทนห้างโจทก์
พิพากษายืน