แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คันคลองสาธารณะซึ่งน้ำท่วมถึงทุกปีในฤดูน้ำ เป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2) ผู้ใดหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่
สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2) นั้น แม้จำเลยจะทำสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิให้เช่า และฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1532/2509 และ 880/2511)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์เพื่อปลูกเรือน แต่ไม่ชำระค่าเช่า กลับอ้างว่าที่ดินที่เช่าไม่ใช่ของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรื้อเรือนออกจากที่เช่า ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับให้ชำระค่าเช่าที่ค้าง
จำเลยต่อสู้ว่า ทำสัญญาเช่าจริง แต่ไม่มีผลบังคับ เพราะเป็นที่สาธารณะริมคลองไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์เรียกค่าเช่าไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ เป็นคันคลองห้วยมูล ตรงที่จำเลยปลูกบ้านอยู่และบริเวณข้างเคียง น้ำในคลองห้วยมูลขึ้นท่วมถึงหมดในฤดูน้ำ ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคมแล้วจึงแห้งลง เป็นเช่นนี้ทุกปี วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) ผู้ใดหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเอาที่ดินให้จำเลยเช่า และฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลย ระหว่างโจทก์จำเลยเมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1532/2509 และ 880/2511
พิพากษายืน