คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3759/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยปลูกกัญชาจำนวน 10 ต้น กับมีกัญชาไว้ในความครอบครองจำนวน 1 ถุง น้ำหนัก 1,100 กิโลกรัม โดยไม่ปรากฏว่ากัญชาที่จำเลยมีไว้ในครอบครองคือส่วนหนึ่งของผลผลิตซึ่งเกิดจากต้นกัญชาที่จำเลยปลูก จึงถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดกรรมเดียวการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2526 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจปลูกกัญชาจำนวน 10 ต้น กับมีกัญชาไว้ในความครอบครองซึ่งกัญชาจำนวน 1 ถุง น้ำหนัก1,100 กิโลกรัมโดยไม่รับอนุญาต เหตุเกิดที่ตำบลสลักใด อำเภอเมืองสุรินทร์จังหวัดสุรินทร์ เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมกัญชาดังกล่าวเป็นของกลาง จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 463/2526 ของศาลชั้นต้นขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 75, 76, 102, 103 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 463/2526

จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 463/2526 หมายเลขแดงที่ 438/2526

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 75, 76, 102, 103 ประกอบกฎหมายอาญา มาตรา 91พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 เรียงกระทงลงโทษฐานผลิตกัญชาลงโทษจำคุก 2 ปี ฐานมีกัญชาจำคุก2 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 1 เดือน ริบของกลางนับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 463/2526 หมายเลขแดงที่ 438/2526

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 75 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่า การกระทำผิดของจำเลยเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันหรือเป็นกรรมเดียว ข้อเท็จจริงคดีนี้ฟังได้จากคำฟ้องจำเลยรับสารภาพว่า จำเลยปลูกกัญชาจำนวน 10 ต้น กับมีกัญชาไว้ในความครอบครองจำนวน 1 ถุง น้ำหนัก 1,100 กิโลกรัม โดยไม่ปรากฏว่ากัญชาที่มีไว้ในครอบครองคือส่วนหนึ่งของผลผลิตซึ่งเกิดจากต้นกัญชาที่จำเลยปลูก จึงถือไม่ได้ว่าเป็นกรรมเดียวดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2524ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ ฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิด 2 กรรมฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้ เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยและบังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

Share