คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยนำเอาอาวุธปืนมีรอยขูดลบตรงเลขหมายประจำปืนกับเครื่องหมายทะเบียนปืน และนำใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของป. ฉบับที่หาย ไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อให้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้จำเลยโดยอ้างว่า เจ้าของอาวุธปืนลงชื่อสลักหลังใบอนุญาตขายอาวุธปืนให้จำเลย ซึ่งเป็นเท็จ เป็นเหตุให้นายทะเบียนอาวุธปืนหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และออกใบอนุญาตให้จำเลยตามพฤติการณ์เชื่อ ได้ว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความหลังใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนนั้นปลอม จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265,268, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ให้จำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยนำเอาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนซึ่งมีข้อความสลักหลังว่า นายประยุทธคมอำนาจสกุล ขายอาวุธปืนให้จำเลยตามเอกสารหมาย จ.2 ประกอบยื่นร่วมกับคำร้องขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนต่อนายทะเบียนอาวุธปืนตามเอกสารหมาย จ.1 นายทะเบียนอาวุธปืนได้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้จำเลยตามเอกสารหมาย จ.3 และ จ.4 ปัญหาวินิจฉัยมีว่าจำเลยใช้หรืออ้างข้อความหลังใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ ปัญหานี้นายประยุทธซึ่งเป็นผู้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนตามเอกสารหมาย จ.2 เบิกความยืนยันว่า ไม่เคยขายอาวุธปืนให้ใคร รวมทั้งจำเลยด้วยไม่เคยรู้จักจำเลย ข้อความด้านหลังของเอกสารหมาย จ.2 ที่ระบุว่า ตนขายอาวุธปืนให้จำเลยและมีลายมือชื่อตนเองลงชื่อเป็นผู้ขายไว้ท้ายข้อความด้วยนั้น ตนไม่ใช่เป็นคนเขียนและไม่ใช่ลายมือชื่อของตน นายทะเบียนอาวุธปืนได้ออกใบอนุญาตตามเอกสารหมาย จ.2 ให้ตนจริง แต่ได้หายไป และมีการออกใบแทนให้ใหม่ตามเอกสารหมาย ป.จ.3 ทั้งอาวุธปืนและใบแทนดังกล่าวก็ยังมีอยู่กับตนและใช้อยู่ โจทก์ก็ยังมี พันตำรวจโทอัครเดชบัญชาพลยุทธ มานำสืบสนับสนุนว่าได้ส่งลายมือชื่อของนายประยุทธไปตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ปรากฏว่าลายมือชื่อนายประยุทธในเอกสารหมาย จ.2 ไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของนายประยุทธ ตามเอกสารหมาย ป.จ.2 ส่วนจำเลยคงมีแต่ตัวจำเลยนำสืบว่า นายประยุทธขายอาวุธปืนและสลักหลังไปอนุญาตโอนขายอาวุธปืนให้จำเลยและมีนายสาย มีสมโสต พยานจำเลยเบิกความว่า จำเลยเคยมาปรึกษาเรื่องจะซื้ออาวุธปืน และได้เอาอาวุธปืนกับใบทะเบียนอาวุธปืนมาให้ดูโดยบอกว่า นายประยุทธขายให้ เห็นว่า โจทก์มีเจ้าของอาวุธปืนมายืนยันว่าไม่ได้ขายอาวุธปืนให้จำเลยลายมือชื่อที่สลักหลังใบอนุญาตโอนขายอาวุธปืนไม่ใช่ลายมือชื่อของตนตลอดจนกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อที่ลงชื่อสลักหลังใบอนุญาตโอนขายอาวุธปืนปรากฏว่าไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของเจ้าของอาวุธปืน ส่วนพยานจำเลยมีลักษณะเป็นเพียงคำแก้ตัวของจำเลยลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนและปราศจากเหตุผล พยานจำเลยจึงไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ คดีมีเหตุผลเชื่อได้ดังที่พยานโจทก์อ้างว่า ข้อความหลังใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนตามเอกสารหมาย จ.2 ปลอม และแม้นายทะเบียนอาวุธปืนจะออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนสำหรับอาวุธปืนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากจำเลยให้จำเลย ก็ได้ความจากนายเปี้ยงเซ็นแซ่ฉั่ว พยานว่าโจทก์อาวุธปืนดังกล่าวเป็นของตน ตามใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเอกสารหมาย ป.จ.1 ซึ่งถูกคนร้ายปล้นเอาไปก่อนถูกปล้นไม่มีการขูดหมายเลขทะเบียนปืนกับหมายเลขประจำปืนแล้วตอกหมายเลขใหม่แทนหมายเลขเดิมแต่อย่างใดและปรากฏว่าใบอนุญาตที่นายทะเบียนอาวุธปืนออกให้จำเลยนั้น เป็นใบอนุญาตที่สืบเนื่องมาจากใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนฉบับเดิมของนายประยุทธที่หายไปซึ่งนายทะเบียนอาวุธปืนออกใบแทนให้ใหม่แล้ว ประกอบกับนายประยุทธไม่ได้ขายอาวุธปืนให้จำเลยโดยอาวุธปืนกับใบแทนใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนก็ยังมีอยู่ที่นายประยุทธและใช้อยู่ ลายมือชื่อนายประยุทธที่สลักหลังใบอนุญาตขายอาวุธปืนให้จำเลยก็สลักหลังใบอนุญาตฉบับเดิมที่หายไป และไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของนายประยุทธ รวมทั้งข้อเท็จจริงฟังได้ว่า อาวุธปืนที่ยึดได้จากจำเลยมีรอยขูดลบตรงเลขหมายประจปืนกับเครื่องหมายทะเบียนปืนและเป็นคนละกระบอกกับอาวุธปืนตามใบแทนใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของนายประยุทธดังนี้ การที่จำเลยนำเอาอาวุธปืนมีรอยขูดลบตรงเลขหมายประจำปืนกับเครื่องหมายทะเบียนปืนเป็นพิรุธ กับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนฉบับเดิมที่หายไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อให้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้จำเลยโดยอ้างว่า เจ้าของอาวุธปืนลงชื่อสลักหลังใบอนุญาตดังกล่าวขายอาวุธปืนให้จำเลยเป็นเหตุให้นายทะเบียนอาวุธปืนหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงและได้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้จำเลยแต่ตามข้อเท็จจริงเจ้าของอาวุธปืนไม่ได้ขายรวมทั้งไม่รู้จักจำเลย นั้น พฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้ มีเหตุผลเชื่อว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความหลังใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนนั้นปลอมก่อนนำไปแสดงหรืออ้างต่อนายทะเบียนอาวุธปืน การกระทำของจำเลยย่อมมีความผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารปลอม ด้วยเหตุผลตามที่ได้วินิจฉัยมา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น”.

Share