คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าห้องพิพาทไม่มีข้อความบ่งว่ามีข้อตกลงพิเศษที่โจทก์จะให้เช่าถึง 10 ปี ที่จำเลยเข้าซ่อมแซมต่อเติมปรับปรุงห้องพิพาทกับจ่ายเงินกินเปล่าแก่โจทก์ จึงเป็นธรรมดาของผู้เช่าที่จะต้องกระทำเพื่อซ่อมแซมตกแต่งปรับปรุงให้สวยงามและมีความสะดวกในการใช้สอยให้ได้รับอย่างสมประโยชน์ ส่วนเงินกินเปล่าย่อมถือเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า สัญญาเช่าห้องพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดา.(ที่มา-เนติ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของห้องพิพาทจำเลยทำสัญญาเช่าห้องดังกล่าวจากโจทก์เพื่อประกอบการค้ามีกำหนด 3 ปีอัตราค่าเช่าเดือนละ 7,500 บาท ครั้นก่อนครบสัญญาโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไปจึงมีหนังสือบอกเลิกการเช่ากับจำเลย จำเลยและบริวารไม่ยอมออกจึงขอบังคับให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปกับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่าก่อนเช่าโจทก์ให้จำเลยซ่อมแซมห้องพิพาทที่ทรุดโทรมเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท ตกลงจะให้เช่ามีกำหนด 10ปีทำสัญญาครั้งละ 3 ปีโจทก์เรียกเงินกินเปล่าอีก 450,000สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าฉบับที่สองโจทก์ไม่ยอมทำสัญญาช่วงที่เหลืออีก 4 ปีตามที่ตกลงและมาฟ้องจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทและส่งห้องพิพาทแก่โจทก์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 7,500 บาทตั้งแต่วันสัญญาเช่าระงับจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินจากห้องพิพาทให้แก่โจทก์จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ให้โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘มีข้อวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าสัญญาเช่าห้องพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาหรือไม่และระบุพยานโจทก์อันดับ 4 ตามบัญชีพยานลงวันที่ 15 เมษายน 2526 เป็นพยานที่อ้างโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ได้ความว่าบัญชีระบุพยานโจทก์อันดับ 1 ถึงอันดับ 3 ลงวันที่ 15เมษายน 2526 พิมพ์ด้วยตัวพิมพ์ดีดส่วนอันดับ 4 เขียนด้วยตัวหมึกและผู้พิพากษาตรวจสั่งรับบัญชีระบุพยานว่า ‘รวม 3 อันดับ’ เห็นว่าแม้จะไม่รับฟังพยานโจทก์อันดับ 4 โดยถือเสมือนว่าโจทก์มิได้ระบุพยานปากนี้แต่จำเลยก็ให้การรับว่าได้ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทที่โจทก์ฟ้องจริงและยังแสดงเจตนาขอเช่าห้องพิพาทต่อโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.5 และหมาย จ.8 ซึ่งไม่มีข้อความบ่งว่ามีข้อตกลงพิเศษที่โจทก์จะให้เช่าห้องพิพาทถึง 10 ปีที่จำเลยเข้าซ่อมแซมต่อเติมปรับปรุงห้องพิพาทกับจ่ายเงินกินเปล่าแก่โจทก์จึงเป็นธรรมดาของผู้เช่าที่จะต้องกระทำเพื่อซ่อมแซมตกแต่งปรับปรุงให้สวยงามและมีความสะดวกสบายในการใช้สอยให้ได้รับอย่างสมประโยชน์ส่วนเงินกินเปล่าย่อมถือเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าที่ต้องจ่ายให้โจทก์พยานหลักฐานจำเลยที่ต่อสู้จึงมีเหตุผลรับฟังได้น้อยสัญญาเช่าห้องพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดโจทก์แจ้งจำเลยให้ออกไปจำเลยไม่ออกจากห้องพิพาทย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์และจะต้องใช้ค่าเสียหายเท่าจำนวนค่าเช่าแก่โจทก์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายกฟ้องโจทก์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาโดยกำหนดค่าทนายความรวม2,000 บาท แทนโจทก์’.

Share