คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5174/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จ.สามีล.ที่จำเลยที่ 2 พาน.ไปติดต่อเพื่อจะขอให้ช่วยวิ่งเต้นให้ น.ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ จ.จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานที่ ล.หรือจำเลยคนหนึ่งคนใดจะพึงจูงใจให้กระทำการ หรือไม่กระทำการในหน้าที่โดยพิพากษาคดีในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143, 83
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143, 83 จำคุกคนละ 1 ปี ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกคนละ 8 เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายโดยฟังข้อเท็จจริงยุติว่า เมื่อพ.ศ. 2526 นางเนี่ยม ได้เป็นโจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากนางประนอม บุตรสาว ต่อศาลจังหวัดอุทัยธานี แล้วทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ ศาลจังหวัดอุทัยธานีจึงพิพากษาคดีไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต่อมานางประนอมยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดอุทัยธานีว่า นางเนี่ยมไม่ปฏิบัติตามสัญญายอม ศาลจังหวัดอุทัยธานีพิจารณาแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2526 ว่า นางเนี่ยมเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความนางเนี่ยมอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้วได้ไปถามจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 รู้จักผู้พิพากษาคนใดที่กรุงเทพมหานครเพื่อจะขอให้ช่วยวิ่งเต้นให้นางเนี่ยมชนะคดีในชั้นศาลอุทธรณ์บ้าง จำเลยที่ 2 จึงพานางเนี่ยมไปพบนางลำปางภริยาผู้พิพากษาที่ชื่อเจริญ ที่บ้านแขวงตลิ่งชัน กรุงเทพมหานครเมื่อนางลำปางบอกว่านายเจริญสามีของตนจะช่วย นางเนี่ยมจึงมอบเงินจำนวน 4,000 บาท ให้นางลำปางไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่อมาประมาณวันที่ 4 มิถุนายน 2528 จำเลยที่ 2 นำข้อความอันเป็นเท็จไปบอกนางเนี่ยมว่า นางลำปางมีจดหมายมาบอกให้นางเนี่ยมส่งเงินค่าวิ่งเต้นไปให้อีก 6,000 บาท นางเนี่ยมหลงเชื่อจึงมอบเงินที่มีอยู่ในขณะนั้นให้จำเลยที่ 2 ไปจำนวน 1,000บาท ต่อมาวันที่ 6 มิถุนายน 2528 นางเนี่ยมจึงมอบเงินที่ยืมมาได้จากนางสมนึกน้องสาวของตน และจากนายทองอินทร์ ทนายความให้จำเลยทั้งสองไปอีก 5,000 บาท มีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบปรากฏว่า นายเจริญสามีนางลำปางที่จำเลยที่ 2 พานางเนี่ยมไปติดต่อเพื่อจะขอให้ช่วยวิ่งเต้นให้นางเนี่ยมชนะคดีในชั้นอุทธรณ์นั้นมิได้เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ นายเจริญจึงไม่ใช่เจ้าพนักงานที่ นางลำปางหรือจำเลยคนหนึ่งคนใดจะพึงจูงใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่คือพิพากษาคดีในชั้นศาลอุทธรณ์ให้เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143ได้ยิ่งกว่านั้นข้อเท็จจริงก็ปรากฏโดยแจ้งชัดจากคำเบิกความของนางเนี่ยมพยานโจทก์ว่ากรณีเป็นเรื่องจำเลยที่ 2 หลอกลวงนางเนี่ยมด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อให้นางเนี่ยมมอบเงินให้จำเลยที่ 2 ความจริงทางฝ่ายนางลำปางมิได้มีจดหมายมาเรียกเงินจากนางเนี่ยม และจำเลยทั้งสองหาได้เรียกหรือรับเงินจากนางเนี่ยมเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจนายเจริญให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่ให้เป็นคุณแก่นางเนี่ยมแต่อย่างใดไม่
พิพากษายืน

Share