คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีว่า ที่นาจำเลยสูงกว่าที่นาโจทก์ การทำนาของโจทก์ต้องอาศัยน้ำจากลำเหมืองซึ่งผ่านที่นาจำเลยโดยเปิดคันนาจำเลยให้น้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่นาจำเลยเข้าไปสู่ที่นาโจทก์จำเลยปิดกั้นคันนาของจำเลยไม่ยอมให้น้ำไหลเข้าสู่ที่นาโจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยเปิดคันนาและเรียกค่าเสียหาย เป็นการฟ้องว่าจำเลยใช้สิทธิโดยฝ่าฝืน ป.พ.พ. มาตรา 1339 อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เมื่อศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าน้ำที่ไหลเข้าที่นาจำเลยไม่ใช่น้ำที่ไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงไปสู่ที่ดินต่ำมิใช่กรณีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1339 และมิใช่กรณีเป็นการชักน้ำไว้เกินกว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการทำนาของจำเลย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1355 ฎีกาโจทก์ที่ว่าจำเลยยอมเปิดคันนาให้น้ำไหลผ่านที่นาจำเลยเข้าสู่ที่นาโจทก์เพื่อให้โจทก์ใช้ทำนาติดต่อกันมาเกินกว่า 10ปี โจทก์ย่อมได้ภารจำยอมโดยอายุความนั้น จึงไม่ตรงกับรูปเรื่องและเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามป.วิ.พ. มาตรา 249.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีที่นาติดกับที่นาของโจทก์ ที่นาของจำเลยติดกับลำเหมืองสาธารณะและสูงกว่าที่นาของโจทก์ การทำนาของโจทก์ทุกปีต้องอาศัยน้ำจากลำเหมืองโดยเปิดน้ำจากลำเหมืองป่านที่นาจำเลยโดยเปิดคันนาจำเลยให้น้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงของจำเลยไปสู่ที่ดินของโจทก์ซึ่งเป็นที่ดินต่ากว่าโดยทำนาในลักษณะนี้ตลอดมาเป็นเวลา 13 ปีแล้ว ปี 2528จำเลยปิดกั้นคันนาของจำเลยไม่ยอมให้โจทก์เปิดคันนาให้น้ำจากลำเหมืองไหลไปสู่ที่นาของโจทก์โจทก์ทำนาไม่ได้ การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น31,000 บาท ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเฉพาะปี พ.ศ. 2528 เป็นเงิน31,000 บาท และปีตอ่ไปปีละ 30,000 บาท จนกว่าจำเลยจะยอมให้โจทก์เปิดคันนาหรือเปิดลำเหมืองให้น้ำจากลำเหมืองไหลสู่ที่นาของโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินตามฟ้อง ที่ดินดังกล่าวเป็นของนายไพบิดาโจทก์ซึ่งเป้นพี่ของจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยจำเป็นต้องใช้น้ำในการทำนาไม่มีหน้าที่เปิดน้ำในนาของจำเลยให้แก่ผู้ใด เมื่อจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินสูงกว่าได้รับน้ำจากลำเหมืองไม่เพียงพอแก่ความจำเป็นในการทำนาของจำเลย การที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์เปิดคันนาของจำเลยเพื่อระบายน้ำจากนาของจำเลยไปให้โจทก์ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจกท์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย ค่าเสียหายของโจทก์ไม่เกิน 3,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ตั้งรูปคดีมาว่า ที่นาจำเลยสูงกว่าที่นาโจทก์การทำนาของโจทก์ต้องอาศัยน้ำจากลำเหมืองยาวผ่านที่นาจำเลยโดยเปิดคันนาของจำเลยให้น้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่นาจำเลยเข้าไปสู่ที่นาโจทก์ซึ่งทำกันในลักษณะนี้ตลอดมาเป็นเวลา 13 ปี แล้วจำเลยปิดกั้นคันนาของจำเลยไม่ยอมให้น้ำไหลเข้าสู่ที่นาโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายไม่สามารถใช้น้ำทำนาได้ขอให้จำเลยเปิดคันนาหรือลำเหมืองยาวให้น้ำไหลเข้าสู่ที่นาโจทก์และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย จึงเป็นการฟ้องว่าจำเลยใช้สิทธิโดยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เมื่อศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า น้ำที่ไหลเข้าที่นาจำเลยไม่ใช่น้ำที่ไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงไปสู่ที่ดินต่ำ ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1339 และมิใช่กรณีเป็นการชักน้ำไว้เกินกว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการทำนาของจำเลยตามมาตรา 1355 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การที่โจทก์ทั้งสี่ฎีกาประการแรกว่าจำเลยยอมเปิดคันนาให้น้ำที่ไหลผ่านที่นาจำเลยเข้าสู่ที่นาโจทก์เพื่อให้โจทก์ใช้น้ำทำนาติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีโดยมิใช่เป็นความกรุณาเอื้อเฟื้อของจำเลยในฐานะเป็นญาติพี่น้องกัน โจทก์ทั้งสี่ย่อมได้สิทธิภาระจำยอมโดยทางอายุความนั้นจึงเป็นฎีกาที่ไม่ตรงกับรูปเรื่อง ทั้งมิใช่เป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกัมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย และไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาเรื่องค่าเสียหายตามฎีกาประการสุดท้ายของโจทก์ทั้งสี่ต่อไป
พิพากษายกฎีกาของโจทก์ทั้งสี่.

Share