แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด แม่ฮ่องสอน ขึ้นต่อสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นราชการบริหารสาธารณสุขส่วนภูมิภาค เงินที่กล่าวหาว่ามีการยักยอกคดีนี้เป็นเงินงบประมาณของ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่ง จัดสรรไปให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเบิกจ่ายโดย ผ่านคลังจังหวัด แม่ฮ่องสอน เงินที่ถูก ยักยอกจึงไม่ใช่เงินของจังหวัด แม่ฮ่องสอน โจทก์ แต่ เป็นของ กระทรวงสาธารณสุข เจ้าของเงินงบประมาณประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 ลง วันที่ 29 กันยายน 2515 ข้อ 50กำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาบรรดาข้าราชการฝ่ายบริหารส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดและรับผิดชอบในราชการจังหวัดและอำเภอนั้นและข้อ 55 ระบุถึง อำนาจบังคับบัญชาเท่านั้น ไม่ได้รวมถึง การเป็นเจ้าของเงินงบประมาณที่เสียหายด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นส่วนราชการ มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515ว่าด้วยการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นส่วนราชการบริหารส่วนภูมิภาคที่กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งขึ้น อันเป็นส่วนราชการของโจทก์ มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นหัวหน้าส่วนราชการ จำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนจำเลยที่ 2 เคยเป็นข้าราชการพลเรือนในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนและได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สำรองเบิกเงินจากคลังจังหวัดแทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ได้ลงนามในฎีกาเบิกเงินต่าง ๆของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เมื่อจำเลยที่ 2 ได้รับเงินค่ายาและเวชภัณฑ์ตามฎีกาต่าง ๆ แล้วจำเลยที่ 2 ได้ส่งเงินดังกล่าวไปชำระหนี้ให้องค์การเภสัชกรรมเป็นบางส่วน ที่เหลือจำเลยที่ 2ได้ทุจริตเบียดบังยักยอกเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โจทก์รู้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์และต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ โจทก์ได้เรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยที่ 2 ชดใช้เงินให้โจทก์จำนวน 775,508.36 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ชดใช้เงินให้โจทก์จำนวน 736,441.68 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงชื่อในฎีกาเพื่อเบิกเงินจากคลังจังหวัดโดยมอบฉันทะให้นางมาลา ปวงเริ่มไปเบิกจากคลังจังหวัดแล้วจ่ายให้แก่เจ้าหนี้พร้อมทั้งลงบัญชีจ่ายจำเลยที่ 2 มิได้รับเงินสดจากนางมาลา แต่อย่างใด ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า เงินที่ถูกยักยอกเป็นของกระทรวงสาธารณสุข มิใช่เป็นเงินของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เงินที่เสียหายเป็นเงินในงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขจัดสรรไปให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนอันเป็นส่วนราชการบริหารสาธารณสุขส่วนภูมิภาคที่ขึ้นตรงต่อสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเบิกจ่ายผ่านทางคลังจังหวัดแม่ฮ่องสอนปัญหาจึงมีว่า เงินที่ถูกยักยอกเป็นของโจทก์หรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ นายอนันท์ มีชำระ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนในขณะเกิดเหตุคดีนี้เบิกความว่าเงินที่ทุจริตทั้งหมดเป็นงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์จิตติ ชัววัลลี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนเบิกความว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขึ้นต่อสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นราชการบริหารสาธารณสุขส่วนภูมิภาค เงินที่โจทก์ฟ้องเป็นค่ายา เครื่องเวชภัณฑ์ เป็นเงินงบประมาณซึ่งกระทรวงสาธารณสุขส่งมาให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้เบิกจ่าย นายบุรัน รักษาพันธ์ุ เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีกองคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเบิกความว่าเงินที่กล่าวหาว่ามีการยักยอกคดีนี้ เป็นเงินงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งจัดสรรไปให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเบิกจ่ายโดยผ่านคลังจังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงฟังได้ว่าเงินที่ถูกยักยอกไม่ใช่เงินของโจทก์ แต่เป็นของกระทรวงสาธารณสุขเจ้าของเงินงบประมาณ โจทก์ฎีกาว่า เงินที่เสียหายเป็นของโจทก์ โจทก์เป็นผู้ควบคุมดูแลรับผิดชอบในราชการของจังหวัดทุกประการ ผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติให้จ่ายเงินในฐานะเจ้าของเงิน เห็นว่า ดังได้วินิจฉัยมาแต่ต้นแล้วว่าเงินที่ถูกยักยอกไปไม่ใช่เงินของโจทก์ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515ข้อ 55 ก็ระบุไว้ถึงอำนาจบังคับบัญชาเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงการเป็นเจ้าของเงินงบประมาณที่เสียหายด้วย แม้ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้อนุมัติให้จ่ายเงินนั้นตามหน้าที่ก็ตาม ก็เป็นเพียงวิธีการเบิกจ่ายเงินและเงินที่ถูกจ่ายยังคงเป็นของกระทรวงสาธารณสุขส่วนตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515ข้อ 50 ได้กำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาบรรดาข้าราชการฝ่ายบริหารส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดและรับผิดชอบในราชการจังหวัดและอำเภอนั้นก็เห็นว่าจะต้องเป็นกรณีที่มีการทุจริตยักยอกเงินซึ่งเป็นงบประมาณของโจทก์โดยตรง ไม่ใช่งบประมาณที่ให้เบิกจ่ายผ่านอย่างเช่นในคดีนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.