คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยอมรับสภาพหนี้ไม่ใช่การทำสัญญา เมื่อ พ. แต่ เพียงฝ่ายเดียว ยอมรับโดย สมัครใจว่าตน เป็นลูกหนี้โจทก์ตาม จำนวนหนี้ที่ยอมรับ จึงรับฟังได้ ว่า พ. รับสภาพหนี้ที่มีต่อ โจทก์โดยชอบและการยอมรับดังกล่าวย่อมมีผลผูกพัน พ. ให้ต้อง ปฏิบัติตามที่ยอมรับนั้น แม้กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทโจทก์จะไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้ก็ตาม แต่ โจทก์ก็มีมูลหนี้ตามที่ พ. ยอมรับนั้นแล้ว จึงมีอำนาจที่จะฟ้องเรียกร้องเงินดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายโพธิ์สิทธิ์ พรรัตนโสรฬ ช่างซ่อมนาฬิกาลูกจ้างของโจทก์ได้นำนาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ จำนวน 107 เรียนและขายนาฬิกา 9 สาย ของลูกค้าโจทก์ไปจำนำแก่โรงรับจำนำหลายแห่งเป็นเงิน 1,388,500 บาท และเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโจทก์ต้องเสียเงิน 1,423,680 บาท ไถ่นาฬิกาและสายนาฬิกามาคืนแก่ลูกค้า นายโพธิ์สิทธิ์ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ยอมชดใช้เงินค่าไถ่ให้โจทก์ และจำเลยทำสัญญาค้ำประกันไว้ในวงเงิน 200,000 บาท นายโพธิ์สิทธิ์ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้โจทก์ได้ทวงถามจำเลยให้ชำระตามสัญญาค้ำประกัน จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 203,125 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ของต้นเงิน200,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยทำหนังสือสัญญาค้ำประกัน สัญญารับสภาพหนี้ในช่องผู้รับสัญญาไม่มีลายมือชื่อของกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ เป็นแต่เพียงคำเสนอของนายโพธิ์สิทธิ์ โจทก์ยังมิได้สนองรับจึงไม่ผูกพันจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องร้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 203,125 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 200,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่นั้น จำเลยฎีกากล่างอ้างว่า หนังสือรับสภาพหนี้ของนายโพธิ์สิทธิ์ พรรัตนไสรฬ ตามเอกสารหมาย จ.5 เป็นเพียงคำเสนอของนายโพธิ์สิทธิ์ เมื่อกรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อรับสัญญา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะถือไม่ได้ว่าโจทก์เข้าถือเอาและรับประโยชน์ตามสัญญานั้นเห็นว่า การยอมรับสภาพหนี้นั้นไม่ใช่การทำสัญญา เมื่อนายโพธิ์สิทธิ์แต่เพียงฝ่ายเดียวยอมรับโดยสมัครใจว่า ตนเป็นลูกหนี้โจทก์ตามจำนวนหนี้ที่ยอมรับนั้น จึงรับฟังได้ว่านายโพธิ์สิทธิ์รับสภาพหนี้ที่มีต่อโจทก์โดยชอบ และการยอมรับดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันนายโพธิ์สิทธิ์ให้ต้องปฏิบัติตามที่ยอมรับนั้น แม้กรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์จะไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้นั้นก็ตาม แต่โจทก์ก็มีมูลหนี้ตามที่นายโพธิ์สิทธิ์ยอมรับนั้นแล้ว จึงมีอำนาจที่จะฟ้องเรียกร้องเงินดังกล่าวได้
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทกื 800 บาท

Share