แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นตัวแทนในการจัดหาคนงานส่งให้แก่บริษัท ท.ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากกรมแรงงานและมีงานให้ทำในต่างประเทศ การที่จำเลยชักชวนโจทก์ร่วมให้บุตรโจทก์ร่วมสมัครไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์และรับเงินค่าบริการจากโจทก์ร่วมแม้บุตรของโจทก์ร่วมไม่ได้ทำงาน และจำเลยไม่อาจคืนเงินให้โจทก์ร่วมได้เพราะได้ส่งเงินให้แก่บริษัท ท. ไปแล้ว ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงและฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2511 มาตรา 7,27 ส่วนคำขอของโจทก์ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ร่วมนั้น เมื่อจำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัท ท. ในการจัดหาคนงาน และจำเลยได้นำเงินที่รับจากโจทก์ร่วมส่งให้แก่บริษัทท. ไปแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินให้แก่โจทก์ร่วม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 91พระราชบัญญัติ จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7, 27ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 30,000 บาท และ 28,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสอง และนับโทษทั้งสองสำนวนติดต่อกัน จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 12 เดือน มีความผิดตามพระราชบัญญัติ จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511มาตรา 7, 27 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะจำเลยกระทำผิด จำคุก 1 เดือนรวมจำคุก 13 เดือน ลดโทษให้ 1 ใน 6 คงจำคุก 10 เดือน 25 วันให้จำเลยคืนเงินจำนวน 30,000 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 1 และจำนวน28,000 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 2 จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2527 นายสัว เงินโม้ และนายอดุลหลีกทุกข์ บุตรโจทก์ร่วมทั้งสองได้สมัครไปทำงานในประเทศสิงคโปร์จำเลยได้รับเงินค่าบริการจำนวน 30,000 บาท จากโจทก์ร่วมที่ 1 และ28,000 บาท จากโจทก์ร่วมที่ 2 และบุตรของโจทก์ร่วมทั้งสองได้เดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์แล้ว แต่ไม่ได้ทำงานตามคำชักชวนของจำเลย จึงเดินทางกลับโจทก์ร่วมทั้งสองทวงเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ข้อแรกมีว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงโจทก์ร่วมทั้งสองหรือไม่เห็นว่า ถึงแม้โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองจะนำสืบว่า โจทก์ร่วมทั้งสองส่งนายสัวและนายอดุลไปยังประเทศสิงคโปร์เพื่อทำงานตามคำชักชวนของจำเลย และจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวข้างต้นให้จำเลยไปแล้ว แต่นายสัวและนายอดุลไม่ได้ทำงานตามคำชักชวนของจำเลยฝ่ายจำเลยมีหนังสือรับรองของบริษัทไทยอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนลรีครูทเมนท์ จำกัด ตามเอกสารหมาย ป.ล.1 มาสืบแสดงว่า จำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทดังกล่าวในการจัดหาคนงานส่งให้แก่บริษัท และมีนายฮั้ว คูเรืองรัศมี ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศของบริษัทดังกล่าวเป็นพยานเบิกความรับรองว่า จำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทดังกล่าวจริงนอกจากนี้จำเลยยังมีเอกสารหมาย ล.2 ซึ่งเป็นหลักฐานการโอนเงินค่าหนังสือเดินทางของบุตรโจทก์ร่วมทั้งสอง รวมทั้งของผู้มีชื่ออีก 1 คน ไปเข้าบัญชีเงินฝากของบริษัทดังกล่าว ประกอบกับร้อยตำรวจเอกยงยุทธ พัฒนาภรณ์ พยานโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีทั้งสองสำนวนนี้เบิกความเจือสมว่า จำเลยมีอาชีพค้าขาย และเป็นตัวแทนจัดส่งคนไปทำงานยังต่างประเทศ จึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทดังกล่าว ในการจัดหาคนงานส่งให้แก่บริษัท และตามคำเบิกความของนายสมโภช รัตนาปนะโชติ หัวหน้าส่วนส่งเสริมธุรกิจแรงงานในต่างประเทศของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่ซึ่งจำเลยอ้างเป็นพยานก็รับฟังได้ว่า ธนาคารได้ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าบริษัทซึ่งจำเลยเป็นตัวแทนดังกล่าวนี้เป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากกรมแรงงานโดยถูกต้อง และมีงานให้ทำในต่างประเทศจริงดังปรากฏตามสำเนาหนังสือของธนาคารกรุงเทพ จำกัด ที่ พธ/สธต.1622/2528ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2528 การที่โจทก์ร่วมทั้งสองไปขอเปิดบัญชีสินเชื่อเพื่อส่งบุตรไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่ได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่า ทางประเทศสิงคโปร์มีงานให้ทำจริง และบริษัทดังกล่าวได้มีสัญญาส่งคนงานให้แก่บริษัทลีกิมต้า ที่ประเทศสิงคโปร์อีกทอดหนึ่ง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่จึงมีหนังสือดังกล่าวข้างต้นแจ้งให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาบ้านไผ่ ให้สินเชื่อแก่โจทก์ร่วมทั้งสอง เพื่อให้โจทก์ร่วมทั้งสองส่งนายสัวและนายอดุลไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ได้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีชี้ให้เห็นว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงโจทก์ร่วมทั้งสองตามที่โจทก์ฎีกา
ปัญหาข้อต่อไปมีว่า จำเลยกระทำความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511มาตรา 7, 27 ตามฟ้องหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติดังที่วินิจฉัยมาแล้วว่า จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทไทยอเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนล รีครูทเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากกรมแรงงานโดยถูกต้อง ดังนั้น การที่จำเลยจัดหางาน จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้องที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ และโจทก์ร่วมทั้งสองสำนวนในข้อหาทั้งสอง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยส่วนคำขอของโจทก์ให้จำเลยคืนเงิน 30,000 บาท และ 28,000 บาทแก่โจทก์ร่วมที่ 1 ที่ 2 ตามลำดับนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทไทยอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล รีครูทเมนท์จำกัด ในการจัดหาคนงานส่งให้แก่บริษัทดังกล่าว และจำเลยได้นำเงินจำนวนข้างต้นที่รับจากโจทก์ร่วมทั้งสองส่งให้แก่บริษัทนี้ไปแล้วจำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง ฎีกาของโจทก์ทั้งสอง สำนวนทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน