คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าของเรือนไม้ 2 หลังในจำนวนเรือนไม้3 หลังที่จำเลยทำสัญญาขายฝากโจทก์ โดยขออาศัยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจากบุคคลภายนอก และมิได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยนำไปขายฝาก ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ใช่บริวารของจำเลย.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากเรือนไม้ชั้นเดียวสามหลัง ซึ่งจำเลยผู้ขายฝากมิได้ใช้สิทธิไถ่คืนภายในกำหนด และให้ใช้ค่าเสียหายโจทก์ จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อศาลว่าโจทก์ยอมให้จำเลยไถ่ถอนการขายฝากโดยผ่อนชำระเป็นงวด ถ้าผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งจำเลยและบริวารยอมออกไปจากบ้านพิพาททันที และจำเลยยอมโอนสิทธิการเช่าที่ดินซึ่งปลูกบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาและออกคำบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว ต่อมาจำเลยผิดนัดจึงยอมออกจากบ้านพิพาท ส่วนผู้อื่นที่อยู่ในบ้านพิพาทให้โจทก์จัดการเอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่โจทก์ขอและออกหมายจับบริวารจำเลยรวม 12 คน เจ้าพนักงานตำรวจจับผู้ร้องทั้งสองมาส่งศาลตามหมายจับ
ผู้ร้องทั้งสองแถลงว่า บ้านที่ผู้ร้องพักอาศัยอยู่เป็นบ้านคนละหลังกับบ้านที่โจทก์ฟ้องขับไล่ ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ใช่บริวารจำเลย และต่อมายื่นคำร้องว่าจำเลยเช่าที่ดินจากบุคคลภายนอกสร้างบ้าน 1 หลัง ผู้ร้องทั้งสองได้อาศัยที่ว่างปลูกบ้านอีก 1 หลังแล้วต่อเติมเป็นเพิงใช้อยู่อาศัยขนานกับบ้านจำเลย โดยไม่ได้ขอเลขบ้าน คงใช้เลขบ้านที่จำเลยใช้อยู่เรื่อยมา โดยไม่ได้เกี่ยวข้องหรืออาศัยบ้านจำเลยผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลย ขอให้ยกเลิกการบังคับแก่ผู้ร้องทั้งสอง
โจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องทั้งสองอาศัยอยู่ในบ้านที่โจทก์ฟ้องขับไล่เป็นบริวารของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกการบังคับขับไล่ผู้ร้องทั้งสอง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องทั้งสองเป็นบริวารจำเลยพิพากษากลับ ให้ขับไล่ผู้ร้องทั้งสองออกจากบ้านพิพาท
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้หลักฐานเบื้องต้นจะฟังได้ว่าบ้านที่ผู้ร้องทั้งสองพักอาศัยอยู่เป็นเรือนไม้ 2 หลังในจำนวนเรือนไม้3 หลังที่จำเลยทำสัญญาการขายฝากโจทก์ แต่ในการไต่สวนคำร้องปรากฏจากคำเบิกความของผู้ร้องทั้งสองอ้างตนเองเป็นพยานว่า ผู้ร้องทั้งสองเป็นเจ้าของเรือนไม้ 2 หลังในจำนวน 3 หลังที่จำเลยนำไปขายฝาก โดยขออาศัยปลูกอยู่ในที่ดินซึ่งจำเลยเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ประมาณ 30 ปีแล้ว และมิได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยนำไปขายฝาก โจทก์มิได้นำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงมีน้ำหนักฟังได้ตามที่ผู้ร้องนำสืบ สภาพของบ้านพิพาทตามที่ศาลชั้นต้นได้ไปเผชิญสืบก็ปรากฏว่าครัวและส้วมตลอดจนทางเข้าออกแยกต่างหากจากกันเป็นสองครอบครัว ผู้ร้องทั้งสองมิได้อาศัยบ้านจำเลย เพียงแต่ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจากบุคคลภายนอก อันเป็นเรื่องนอกเหนือคำบังคับในคดีนี้ ผู้ร้องทั้งสองจึงมิใช่บริวารของจำเลยในคดีนี้
พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำสั่งศาลชั้นต้น.

Share