คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นอกจากเป็นเจ้าพนักงานศาลแล้วยังมีหน้าที่รวบรวมทรัพย์สินและฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้รวมทั้งกระทำการต่าง ๆ ในนามลูกหนี้อีกฐานะหนึ่งจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นได้
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องถอนคำร้องเพื่อให้ผู้ร้องไปยื่นคำคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 14 วันนั้น ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่จำต้องโต้แย้งคำสั่งไว้แต่ประการใด
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องปฏิเสธหนี้ต่อศาลชั้นต้นโดยปฏิบัติไม่ถูกต้องตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 119 นั้นเมื่อผู้ร้องขอถอนคำร้องเพื่อนำไปยื่นตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ศาลก็เพียงแต่ชอบที่จะอนุญาตให้ถอนคำร้องได้เท่านั้นไม่ชอบที่จะก้าวล่วงไปกำหนดระยะเวลาในการยื่นคำร้องปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ผิดแผกแตกต่างไปจากบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งต่างกับกรณีการฟ้องคดีต่อศาลที่ไม่มีเขตอำนาจ จึงไม่อาจนำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคสาม มาปรับแก่กรณีนี้ได้.

ย่อยาว

มูลกรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องถอนคำร้องปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อนำไปยื่นคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 14 วัน นับแต่วันอนุญาตให้ถอนคำร้อง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่คัดค้านที่ผู้ร้องถอนคำร้องดังกล่าว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นในส่วนที่ให้ผู้ร้องไปยื่นคำคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 14 วันนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ที่ผู้ร้องฎีกาว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นเจ้าพนักงานศาล ไม่มีอำนาจอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ลงวันที่10 มีนาคม 2529 ที่อนุญาตให้ผู้ร้องถอนคำร้องเพื่อไปยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นเห็นว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่รวบรวมทรัพย์สินและฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้รวมทั้งกระทำการต่างๆ ในนามลูกหนี้อีกฐานะหนึ่งจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นได้
ที่ผู้ร้องฎีกาว่า คำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 10 มีนาคม 2529 เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 จึงไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ได้นั้นเห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ถอนคำร้องเพื่อให้ผู้ร้องไปยื่นคำคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 14 วันนั้น ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่จำต้องโต้แย้งคำสั่งไว้แต่ประการใด
ที่ผู้ร้องฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องถอนคำร้องแล้วไปยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ไม่ใช่กรณีที่ให้ศาลมีอำนาจออกคำสั่งขยายหรือย่นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 หากแต่เป็นกรณีที่ลูกหนี้ยื่นคำร้องปฏิเสธหนี้ผิดสถานที่ปรับได้กับกรณีที่ยื่นคำฟ้องต่อศาลที่ไม่มีเขตอำนาจ ซึ่งศาลมีอำนาจที่จะให้คู่ความถอนฟ้องไปฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจใหม่ภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 วรรคสามนั้น เห็นว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่ผู้ร้องปฏิบัติไม่ถูกต้องตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 119 เมื่อผู้ร้องขอถอนคำร้องเพื่อนำไปยื่นตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ศาลก็เพียงแต่ชอบที่จะอนุญาตให้ถอนคำร้องได้เท่านั้น ไม่ชอบที่จะก้าวล่วงไปกำหนดระยะเวลาในการยื่นคำร้องเช่นว่านี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ผิดแผกแตกต่างไปจากบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งต่างกับกรณีการฟ้องคดีต่อศาลที่ไม่มีเขตอำนาจ จึงไม่อาจนำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคสาม มาปรับแก่กรณีนี้ได้
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบด้วยรูปคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของผู้ร้องทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share