แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองกับพวกได้มาที่บ้านผู้เสียหายด้วยกัน.แต่เมื่อจำเลยที่ 1 มาห่างผู้เสียหาย 4 เมตร. จำเลยที่ 1 ก็หยุดอยู่ตรงนั้น. ส่วนจำเลยที่ 2 กับพวกหาได้หยุดไม่คงเดินเลยบ้านผู้เสียหายไป 10 วาจึงหยุด. เมื่อเป็นดังนี้การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายโดยลำพังตนเอง. จึงไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะได้ร่วมกันเพื่อมาทำร้ายผู้เสียหาย. เพราะอาจฟังว่าจำเลยที่ 1 มาพบผู้เสียหาย. และด้วยเคยมีเรื่องกันมาก่อน. ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ได้ร้องบอกให้จำเลยที่ 1 ยิงซ้ำ. จำเลยที่ 1 ก็หาได้กระทำตามที่จำเลยที่ 2 ร้องบอกไม่กลับวิ่งไปแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็พากันหนีไป.การกระทำของจำเลยที่ 2 ก็ยังไม่พอฟังว่าเป็นผู้สนับสนุน. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2510 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 2 กับพวกที่หลบหนีอีก 1 คน ร่วมกระทำผิดใช้ปืนยิงนายอ่วม สุวรรณรัตน์ โดยมีเจตนาฆ่าจำเลยกับพวกได้กระทำผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล เพราะกระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ นายอ่วมจึงไม่ตายสมเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยที่ 1 ได้ใช้ปืนยิงผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 พูดว่า “ยิงซ้ำอีก ๆ ” แล้วจำเลยกับพวกก็หลบหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการร่วมกันกระทำผิดด้วย พิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ขณะที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 เดินเลยบ้านผู้เสียหายไปแล้วและเมื่อจำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายแล้ว ผู้เสียหายได้ยินเสียงจำเลยที่ 2 ร้องว่ายิงซ้ำ กรณีเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 เพราะไม่ได้ร่วมทำร้ายผู้เสียหายแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 ยิงแล้วก็วิ่งหนี จำเลยที 2 กับพวกวิ่งไปด้วยกัน จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 กับพวกได้มาบ้านผู้เสียหายด้วยกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 พูดว่ายิงซ้ำ แล้วก็หลบหนีไปด้วยกัน จึงมีเจตนาร่วมกันกระทำผิด ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ด้วย ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังว่า จำเลยที่ 2 กับพวกได้มาที่บ้านผู้เสียหายด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1 หยุดอยู่ตรงบ้านผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 2 กับพวกหาได้หยุดไม่ คงเดินเลยบ้านผู้เสียหายไป 10 วา จึงหยุด เมื่อเป็นเช่นนี้การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายโดยลำพังตนเอง จึงไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะได้ร่วมกันเพื่อทำร้ายผู้เสียหายด้วย เพราะอาจฟังว่าจำเลยที่ 1 มาพบผู้เสียหายและด้วยมีเรื่องกันมาก่อน จำเลยที่ 1 จึงตกลงใจยิงทำร้ายผู้เสียหายในขณะนั้นก็ได้ ส่วนจำเลยที่ 2 บอกให้ยิงซ้ำ จำเลยที่ 1 ก็หาได้ทำตามไม่ กลับวิ่งหนี จำเลยที่ 2 กับพวกก็พากันหนีไป ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 2 ก็ยังไม่พอฟังว่าเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 พิพากษายืน