แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร. และเมื่อได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอประกัน และสั่งปรับตามสัญญาประกันไปแล้ว. จะอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นศาลพลเรือนไม่ได้. (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 732/2504).
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากกรณีผู้ร้องและนายโปรย ทิพย์รอด ได้รับอนุญาตจากศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดนครราชสีมา) ให้ประกันตัวจำเลยที่ 2 ในคดีถูกฟ้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ในข้อหามีและเสพยาเสพติดเฮโรอีน ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 หลบหนี นายประกันทั้งสองถูกศาลสั่งปรับตามสัญญาประกันเป็นเงิน 30,000 บาท ซึ่งศาลได้ผ่อนผันให้แบ่งชำระเป็นรายเดือน ๆ ละ 500 บาท ส่วนนายโปรยนั้นปรากฏว่ามิใช่เจ้าของหลักทรัพย์ประกันตามที่อ้างไว้ได้ถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ ส่วนจำเลยที่ 1 ศาลได้ดำเนินการพิจารณาต่อไปและพิพากษาลงโทษไปแล้ว ครั้นต่อมาจำเลยที่ 2 ตาย ศาลจึงลดค่าปรับโดยให้คงเป็นค่าปรับเพียง 10,000 บาท เมื่อผู้ร้องชำระแล้ว 9,600 บาท จึงยังคงขาดอีก 400 บาท ได้สั่งให้ผู้ร้องชำระให้ครบ ผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้งดค่าปรับ และโจทก์อุทธรณ์ขอให้ปรับผู้ร้องเต็มตามสัญญาประกัน ศาลอุทธรณ์ให้ยกอุทธรณ์ผู้ร้องและโจทก์ ผู้ร้องฎีกา และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ ได้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งให้รับไว้ ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า การสั่งคำร้องขอประกันและสั่งปรับนายประกันในเรื่องนี้เป็นคำสั่งของศาลมณฑลทหารบกที่ 3ซึ่งเป็นศาลทหาร มิใช่ศาลจังหวัดนครราชสีมาในฐานะศาลพลเรือนเป็นผู้สั่ง ศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นศาลพลเรือนจึงไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณาตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 732/2504 พิพากษายืน.