คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1537/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นสมุห์บัญชีอำเภอ. ไปเร่งรัดภาษีจากผู้ค้างภาษี. ผู้ค้างภาษีจึงได้ชำระเงินภาษีให้จำเลยมา. จำเลยหาได้ส่งเงินดังกล่าวต่อกรรมการรักษาเงินหรือต่อคลังจังหวัดตามระเบียบไม่. จำเลยกลับนำเงินเหล่านั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย. จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,151 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 3,7. แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะส่งเงินทะยอยคืน. ก็หาทำให้การกระทำของจำเลยที่เกิดเป็นความผิดขึ้นแล้ว.กลับกลายเป็น.ไม่.เป็นความผิด.ไม่.
เงินภาษีอากรที่จำเลยเก็บมาดังกล่าวเป็นของรัฐบาล. เมื่อจำเลยยักยอกเอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย รัฐบาลย่อมเป็นผู้เสียหาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีตำแหน่งเป็นสมุห์บัญชีอำเภอ จำเลยได้เก็บและรับเงินภาษีอากร ภาษีเงินได้และภาษีการค้าซึ่งเป็นเงินของรัฐไว้จากผู้เสียภาษี แล้วไม่ออกใบรับให้ แล้วจำเลยได้ยักยอกเอาเงินภาษีอากรดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสีย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151, 157 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 7, 13 และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ 431 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นเห็นว่า เงินที่จำเลยรับมาเป็นเพียงเงินที่จำเลยรับฝากมา การที่จำเลยไม่ออกใบเสร็จไม่ลงบัญชี ไม่มอบคณะกรรมการและไม่นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ จึงหาเป็นผิดดังโจทก์หาแต่อย่างใดไม่ รัฐไม่ใช่ผู้เสียหาย พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้รับเงินจากผู้มีชื่อโดยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบ ต่อเมื่อมีเรื่องร้องเรียนกล่าวหาจำเลยและสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลย จำเลยจึงได้ส่งเงินทะยอยให้เป็นค่าภาษีอากรตามจำนวนที่จำเลยได้รับไว้แต่ละราย แต่ก็ยังขาดอยู่บ้าง ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 7 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 5 ปี กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 431 บาทแก่ผู้เสียหายด้วย จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไปเร่งรัดภาษีจากผู้ค้างภาษี ผู้ค้างภาษีจึงได้ชำระเงินภาษีให้จำเลยมา จำเลยหาได้ส่งเงินดังกล่าวต่อกรรมการรักษาเงินหรือต่อคลังจังหวัดตามระเบียบไม่ จำเลยกลับนำเงินเหล่านั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย จำเลยจึงต้องมีความผิดตามฟ้อง การที่จำเลยส่งเงินทะยอยคืนมาหาทำให้การกระทำของจำเลยที่เกิดเป็นความผิดขึ้นแล้วดังกล่าวข้างต้นกลับกลายเป็นไม่เป็นความผิดไม่ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้รับฝากเงินจากผู้ค้างภาษีเป็นส่วนตัวมิใช่เป็นเงินรัฐบาลนั้น เห็นว่า จำเลยในฐานะสมุห์บัญชีอำเภอไปเรียกเก็บภาษีอากรมา เงินภาษีอากรที่จำเลยเก็บมาดังกล่าวเป็นของรัฐบาล เมื่อจำเลยยักยอกเอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย รัฐบาลย่อมเป็นผู้เสียหาย ที่จำเลยฎีกาขอลดหย่อนผ่อนโทษนั้น เนื่องจากจำเลยยักยอกเงินไม่มากและรู้สึกสำนึกความผิดได้พยายามบรรเทาผลร้ายโดยพยายามส่งเงินคืนมาชำระเกือบครบจำนวน สมควรลดโทษให้จำเลย พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share