แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ให้จำเลยและคนอื่นแบ่งกันเช่าบ้านรายพิพาทอยู่หลายคน ต่างคนต่างเสียค่าเช่า. จำเลยเช่า 1 ห้องเสียค่าเช่าเดือนละ 700 บาท เมื่อรวมค่าเช่าทุกคนแล้วเป็นค่าเช่าเดือนละ 2,500 บาท. โจทก์ให้จำเลยทำสัญญาเช่าบ้านพิพาทแต่ผู้เดียวในอัตราค่าเช่าเกินเดือนละ 1,000บาท ก็เพื่อจะหลีกเลี่ยงให้พ้นจากการควบคุมของพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 มาตรา 4. จึงเป็นสัญญาที่ทำขึ้นด้วยเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายจำเลยนำสืบหักล้างถึงความไม่สมบูรณ์แห่งสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากเคหะที่ให้เช่า อัตราค่าเช่าเดือนละ 2,500 บาท และเรียกค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ให้จำเลยและคนอื่นเช่าบ้านรายพิพาทเป็นรายห้อง เพื่ออยู่อาศัย อัตราค่าเช่าเมื่อรวมกันเป็นเงิน 2,500 บาทจำเลยเช่าจากโจทก์เพียง 1 ห้อง อัตราค่าเช่าเดือนละ 700 บาท โจทก์มอบให้จำเลยเป็นผู้ลงนามในสัญญาเช่าแต่ผู้เดียวเพื่ออำพรางข้อเท็จจริง เพื่อสะดวกในการบอกเลิกสัญญาและขับไล่จำเลยและผู้เช่าทุกคนจึงเป็นนิติกรรมอำพราง จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 วันพิจารณา โจทก์แถลงขอคิดค่าเสียหายเท่ากับค่าเช่าอัตราเดือนละ 2,500 บาท ศาลชั้นต้นงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้แสดงเอกสารที่อ้างว่าโจทก์นำบ้านพิพาทให้จำเลยกับพวกแบ่งเช่าเป็นห้อง ๆ ค่าเช่าห้องต่าง ๆ ไม่เท่ากัน จึงมีนิติกรรมอันเดียว คือสัญญาเช่าท้ายฟ้อง ไม่มีนิติกรรมอำพราง กรณีไม่ใช่นิติกรรมอำพรางสัญญาเช่าบังคับกันได้ จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 เพราะค่าเช่าเกินกว่า 1,000 บาท พิพากษาขับไล่ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามข้อต่อสู้จองจำเลยถือได้ว่าเป็นการกล่าวอ้างถึงความไม่ถูกต้องสมบูรณ์ของหนังสือสัญญาเช่าตามฟ้องจำเลยมีสิทธินำสืบได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้น ดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหามีว่าจำเลยได้ลงนามในสัญญาเป็นผู้เช่าบ้านรายพิพาทแต่ผู้เดียว ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 2,500 บาทจะโต้เถียงและนำสืบได้หรือไม่ว่าความจริงโจทก์ให้คนแบ่งบ้านเช่าบ้านนั้นอยู่หลายคนด้วยกัน ต่างเสียค่าเช่า จำเลยเช่าอยู่เพียงห้องเดียวเสียค่าเช่าเดือนละ 700 บาท โจทก์ให้จำเลยทำสัญญาเช่าบ้านทั้งหลังแต่ผู้เดียวเพื่อสะดวกในการฟ้องขับไล่จำเลยกับผู้เช่าคนอื่น ๆ ได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ให้จำเลยและคนอื่นแบ่งกันเช่าบ้านรายพิพาทอยู่หลายคน ผู้ที่อยู่ต่างคนต่างเสียค่าเช่าเฉพาะแต่รายที่เช่า จำเลยเสียเพียงเดือนละ 700 บาท โจทก์ให้จำเลยทำสัญญาเช่าบ้านทั้งหลังแต่ผู้เดียว เอาค่าเช่าของผู้เสียค่าเช่าทุกรายรวมเป็นค่าเช่าตามสัญญาเดือนละ 2,500 บาท เพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นจากการควบคุมของพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 เพื่อความสะดวกในการที่โจทก์จะเลิกสัญญาเช่าและฟ้องขับไล่จำเลยและผู้ที่เช่าอยู่ทุก ๆ คน ตามข้อต่อสู้ของจำเลยเช่นนี้ แสดงว่าความประสงค์ของโจทก์ที่ให้จำเลยทำสัญญาเช่าอัตราค่าเช่าเกิน 1,000 บาท ก็เพื่อจะหลีกเลี่ยงให้พ้นจากการควบคุมของพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินพ.ศ. 2504 มาตรา 4 เป็นสัญญาที่ทำขึ้นด้วยเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายจำเลยนำสืบหักล้างถึงความไม่สมบูรณ์แห่งสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย ศาลอุทธรณ์ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานและพิพากษาใหม่ชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์.