คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6840/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การลดโทษประหารชีวิตให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 52(2) ศาลจะลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือโทษจำคุก ตั้งแต่ 25 ปี ถึง 50 ปี ก็ได้ เป็นดุลพินิจของศาลตามพฤติการณ์แห่งความร้ายแรงของแต่ละคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289และ 339 กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาสร้อยทองคำ 1 เส้น เป็นเงิน25,000 บาท แก่ทายาทผู้ตาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(6)(7), 339 วรรคท้าย และ 90 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(6) และ (7) ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดให้ประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) คงจำคุกตลอดชีวิต ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาสร้อยคอทองคำ 1 เส้น เป็นเงิน 25,000 บาท แก่ทายาทนายวิทยา วุฒิประเสริฐ ผู้ตาย ด้วย
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่าการลดโทษประหารชีวิตให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 52(2) มีเหตุสมควรให้ลดเป็นโทษจำคุกตั้งแต่ 25 ปี ถึง50 ปี หรือไม่ เห็นว่า ในการลดโทษประหารชีวิตให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52(2) ศาลจะให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือโทษจำคุกตั้งแต่ 25 ปี ถึง 50 ปี ก็ได้ เป็นดุลพินิจของศาลโดยพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งความร้ายแรงของแต่ละคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป คดีนี้จำเลยกระทำความผิดโดยใช้ยานอนหลับผสมใส่ในเครื่องดื่มและอาหารให้ผู้ตายดื่มและรับประทานทำให้ผู้ตายมึนเมาและง่วงนอนอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และจำเลยยังได้ใช้มีดปังตอขนาดใหญ่ฟันทำร้ายร่างกายและศีรษะผู้ตายหลายครั้งจนผู้ตายได้รับอันตรายแก่กายที่บริเวณหน้าอก ลำคอใบหน้า กะโหลกศีรษะแตกสมองฉีกขาดตามรายงานการตรวจศพท้ายฟ้องตามพฤติการณ์แห่งคดี การกระทำความผิดของจำเลยถือว่าร้ายแรงที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีบุตรอายุ 6 ปี หากศาลฎีกาลงโทษเบาลงบุตรจำเลยจะได้มีมารดาเป็นหลักของชีวิตเร็วขึ้น เป็นเรื่องที่จำเลยน่าจะคิดใคร่ครวญก่อนกระทำความผิดอันร้ายแรง มิใช่เมื่อกระทำความผิดแล้ว จึงอ้างมาเป็นเหตุขอให้ศาลลงโทษเบาส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยรู้สึกความผิดและได้ให้การรับสารภาพมาโดยตลอด ศาลล่างทั้งสองก็ได้ลดโทษให้จำเลยตามกฎหมายอยู่แล้วที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลดโทษประหารชีวิตให้จำเลยกึ่งหนึ่งโดยให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตนั้น เหมาะสมแก่สภาพแห่งความผิดของจำเลยไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share