คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5026/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า บริษัท ย. ได้ออกใบหุ้นให้แก่จำเลยตามภาพถ่ายใบหุ้นเอกสารท้ายฟ้อง เป็นหุ้นจำนวน 94 หุ้นซึ่งคำนวณเป็นเงินตามสัดส่วนได้จำนวน 300,000 บาท โดยจำเลย ให้โจทก์ทดรองจ่ายให้ไปก่อน แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลย ชำระเงินดังกล่าว จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงฟ้องคดี ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาตลอดจนข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แล้วส่วนรายละเอียดว่าเหตุใดราคาหุ้นที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดจึงมีราคาสูงกว่ามูลค่าหุ้นที่ปรากฏในใบหุ้นนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะตัวแทนที่ได้ออกเงินทดรองการซื้อหุ้นอันเป็นกิจการที่จำเลยมอบหมายให้โจทก์ทำ จึงเป็น เรื่องตัวแทนฟ้องตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 816 ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ อายุความจึงมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของจำเลยหรือรับทำการงานต่าง ๆ ของจำเลย ดังนั้น คดีโจทก์จึงไม่อยู่ในบังคับตามมาตรา 193/34(7) โจทก์ฟ้องคดีไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันที่ได้ทดรองจ่ายเงินแทนจำเลยอันเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทยูนิกอล์ฟ จำกัด เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2535 บริษัทดังกล่าวได้เพิ่มทุนในการประกอบการโดยเรียกเก็บเพิ่มจากผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ที่สนใจเข้าร่วมลงทุน จำเลยตกลงร่วมลงทุนด้วยแต่ไม่มีเงิน จึงขอร้องให้โจทก์ทดรองจ่ายเงินค่าหุ้นแทน โจทก์ตกลงและได้จ่ายค่าหุ้นแทนจำเลยไปจำนวน 300,000 บาท ต่อมาโจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระหนี้จำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 65,625 บาท แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้จำนวน 365,625 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 300,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยซื้อหุ้นของบริษัทยูนิกอล์ฟ จำกัด และไม่เคยร้องให้โจทก์ทดรองจ่ายเงินค่าหุ้นแทน ใบหุ้นที่ออกให้แก่จำเลยเป็นใบหุ้นปลอม ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ฟ้องคดีโดยเรียกเงินทดรองที่โจทก์ออกแทนไปก่อนเมื่อพ้นกำหนด2 ปี คดีจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 300,000 บาทให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2535 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประเด็นแรกว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์ข้อ 3 จำเลยไม่สามารถเข้าใจได้ว่าจำนวนหุ้น 94 หุ้นราคาหุ้นละ 100 บาท คำนวณเป็นเงินตามสัดส่วนอย่างไรจึงเป็นเงินค่าหุ้นจำนวน 300,000 บาท เห็นว่าตามฟ้องของโจทก์ข้อ 3ได้บรรยายฟ้องไว้ว่า บริษัทยูนิกอล์ฟ จำกัด ได้ออกใบหุ้นให้แก่จำเลยตามภาพถ่ายใบหุ้นเอกสารท้ายฟ้อง เป็นหุ้นจำนวน 94 หุ้นซึ่งคำนวณเป็นเงินตามสัดส่วนได้จำนวน 300,000 บาท โดยจำเลยให้โจทก์ทดรองจ่ายให้ไปก่อน แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินดังกล่าว จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงฟ้องคดี เห็นได้ว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาตลอดจนข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แล้ว ส่วนรายละเอียดว่าเหตุใดราคาหุ้นที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดจึงมีราคาสูงกว่ามูลค่าหุ้นที่ปรากฏในใบหุ้นนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปมีว่า จำเลยได้ให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อหุ้นและโจทก์ได้ทดรองจ่ายเงินค่าหุ้นแทนจำเลยหรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จากพยานหลักฐานของโจทก์และคำเบิกความของพยานจำเลยที่เจือสมกับพยานหลักฐานของโจทก์ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่า จำเลยได้ตกลงให้โจทก์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทยูนิกอล์ฟ จำกัด จำนวน 300,000 บาท โดยให้โจทก์ออกเงินทดรองไปก่อนและยังไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้นที่โจทก์ทดรองจ่ายไปก่อนจริง
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อสุดท้ายว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ จำเลยอ้างว่าโจทก์ได้ทดรองออกเงินค่าหุ้นให้จำเลยไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2535 เมื่อมาฟ้องเรียกเงินค่าหุ้นที่ทดรองออกแทนจำเลยซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34(7) โดยโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2538 จึงเกิน 2 ปี ขาดอายุความแล้วนั้นเห็นว่า คดีนี้ไม่ปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของจำเลยหรือรับทำการงานต่าง ๆ ของจำเลย ดังนั้น คดีโจทก์จึงไม่อยู่ในบังคับตามมาตรา 193/34(7) เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะตัวแทนที่ได้ออกเงินทดรองการซื้อหุ้นอันเป็นกิจการที่จำเลยมอบหมายให้โจทก์ทำ จึงเป็นเรื่องตัวแทนฟ้องตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ อายุความจึงมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ได้ทดรองจ่ายเงินแทนจำเลยอันเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share