คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7850/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 4(5) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ให้นิยามความหมายของคำว่า “ทำไม้” นอกจากจะ หมายความว่า “ตัด””ฟัน” “ทอน” แล้วยังรวมถึง “ชักลาก” ด้วยก็ตาม แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้อง ว่า จำเลยทำไม้โดยตัดฟันออกจากต้นแล้วทอนเป็นท่อน ๆ โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนี้ข้อที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยชักลากไม้ออกจากป่า เป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องจึงรับฟังลงโทษจำเลยฐานทำไม้โดยการชักลากไม้ออกจากป่าไม่ได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ
(ก) จำเลยทำไม้ไข่เขียวและไม้เสียดช่อ ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ในป่าเขาตังอาและป่าคลองโชนอันเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วทอนเป็นท่อน ๆ รวม 6 ท่อน ปริมาตรรวม6.89 ลูกบาศก์เมตร โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และมิได้รับสัมปทานตามกฎหมาย
(ข) จำเลยมีไม้หวงห้ามประเภท ก. จำนวนดังกล่าวในข้อ (ก)ซึ่งยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายและจำเลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ไม้ดังกล่าวมาโดยชอบด้วยกฎหมาย
ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 5,6, 7, 11, 69, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507มาตรา 4, 6, 9, 14, 31, 35 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ริบไม้ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง, 69 วรรคสอง, 73 วรรคสองพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31 วรรคสองรวม 2 กระทง เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครอง จำคุก 2 ปี 6 เดือน ฐานทำไม้หวงห้ามฯ ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯมาตรา 14, 31 วรรคสอง อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 3 ปี รวมจำคุก 5 ปี 6 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 8 เดือนริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11, 73 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31 คงให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสองซึ่งหลังจากลดโทษแล้วคงจำคุก 1 ปี 8 เดือน เพียงกระทงเดียวและให้ยกคำขอริบไม้ของโจทก์เฉพาะส่วนที่ขอให้ริบไม้ของกลางท่อนหมายเลข 1, 2, 3, 5, และ 6 ตามบัญชีรายการไม้ของกลางเอกสารหมาย จ.7 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 4(5) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และมาตรา 4แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ให้นิยามความหมายของคำว่า “ทำไม้” นอกจากจะหมายความว่า “ตัด” “ฟัน” “ทอน” แล้วยังรวมถึง “ชักลาก” ด้วย แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายในคำฟ้องว่าจำเลยทำไม้โดยการชักลากก็ตาม แต่เมื่อโจทก์บรรยายว่าจำเลยบังอาจทำไม้ ก็ย่อมรวมถึงจำเลยชักลากไม้ด้วย ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์มิใช่เรื่องรับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องมาลงโทษจำเลยนั้นเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทำไม้ โดยตัดฟันออกจากต้นแล้วทอนเป็นท่อน ๆ โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ส่วนข้อนำสืบของโจทก์ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่พยานโจทก์รู้เห็นว่าจำเลยชักลากไม้ออกจากป่า ไม่มีพยานปากใดที่รู้เห็นว่าจำเลยทำไม้โดยการตัดฟัน ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยชักลากไม้จึงเป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้อง จะรับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก
พิพากษายืน

Share