แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือสัญญาให้ที่ดินที่ทำต่อเจ้าพนักงานที่ดินในการที่ พ.จดทะเบียนยกที่ดินให้แก่จำเลยเป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นย่อมสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่ถูกอ้างเอกสารฉบับนี้มายันต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นได้ว่าหนังสือสัญญาให้ที่ดินดังกล่าวไม่บริสุทธิ์หรือไม่ถูกต้อง ก็ต้องฟังว่าเอกสาร ดังกล่าวเป็นของแท้จริงและถูกต้อง ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาให้ครบถ้วนตามราคาที่ดินที่พิพาทก่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา แต่โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีในชั้นฎีกาอย่างคนอนาถา ในกรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นมีหน้าที่จะต้องสั่งคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสามการที่ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานโจทก์จนเสร็จสิ้นแล้วส่งสำนวนมาให้ศาลฎีกาสั่งจึงเป็นการไม่ชอบ แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้ไต่สวนพยานมาในชั้นนี้เสร็จสิ้นแล้ว ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งไปเสียทีเดียว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าหนังสือสัญญาให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 1178 เป็นเอกสารปลอมและเป็นโมฆะ ให้เพิกถอนเสีย ให้กรรมสิทธิ์คงเป็นของนายพุดหรือพุฒ ชื่นฟัก ตามเดิม
จำเลยให้การว่า เดิมที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 1178 มีเนื้อที่ 106 ไร่ 2 งาน 7 ตารางวา มีชื่อนายพุด ชื่นฟักบิดาโจทก์และจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ต่อมาเมื่อปี 2504 โจทก์และทายาทคนอื่นไม่ประสงค์ที่จะได้ที่ดินแต่ต้องการเงินจากนายพุดนายพุดจึงขายที่ดินดังกล่าวให้นายปิ่น จิตต์บำรุง จำนวน66 ไร่ เมื่อนายพุดขายที่ดินให้นายปิ่นแล้วนายพุดได้แบ่งเงินส่วนที่ขายที่ดินให้แก่โจทก์และทายาทคนอื่น ๆ ทุกคนแล้วเว้นแต่จำเลยซึ่งต้องการที่ดินเพื่อทำกิน ต่อมาวันที่ 27 พฤษภาคม 2506 นายพุดจึงได้ให้ที่ดินส่วนที่เหลืออีกจำนวน 40 ไร่ 2 งาน 7 ตารางวา แก่จำเลย โดยได้ไปทำการจดทะเบียนยกให้และทำหนังสือสัญญาให้ที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินสำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี สาขาธัญบุรี โดยถูกต้องตามกฎหมาย การยกให้ที่ดินจึงสมบูรณ์ จำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่ดินมาตั้งแต่วันที่27 พฤษภาคม 2506 และหลังจากที่นายพุดให้ที่ดินแก่จำเลยแล้วนายพุดก็ได้อาศัยอยู่กับจำเลยจนตาย โจทก์มาฟ้องขอให้เพิกถอนการยกให้ไม่ได้จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะเป็นเจ้าของตลอดมานับแต่ได้รับการยกให้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
หลังจากศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จและจดรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 13 สิงหาคม 2540 ส่งไปให้ศาลชั้นต้นพร้อมคำพิพากษาศาลฎีกา โดยให้ศาลชั้นต้นเรียกให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้ถูกต้องก่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟัง โจทก์ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาชั้นฎีกา อ้างว่ายากจนไม่อาจหาค่าธรรมเนียมมาวางศาลได้ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว ส่งสำนวนและคำพิพากษาศาลฎีกาคืนมาเพื่อให้ศาลฎีกามีคำสั่ง ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ในกรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นมีหน้าที่จะต้องสั่งคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้ไต่สวนพยานในชั้นนี้มาเสร็จสิ้นแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรมีคำสั่งไปเสียทีเดียวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก่อนและเห็นว่า โจทก์เป็นคนยากจน จึงอนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาได้ แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า นายพุดหรือพุฒ ชื่นฟักไม่ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยนั้นเห็นว่า หนังสือสัญญาให้ที่ดินเป็นเอกสารมหาชน ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น จึงได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่ถูกอ้างเอกสารฉบับนี้มายันต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 แต่จากการนำสืบของโจทก์ โจทก์เบิกความเพียงว่า ก่อนตายนายพุดไม่ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้ใคร และเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า หนังสือสัญญาให้ที่ดินจะเป็นลายมือชื่อนายพุดหรือไม่ไม่ทราบ เท่านั้น โดยไม่ได้เบิกความยืนยันว่า นายพุดไม่ได้ยกที่ดินให้จำเลย และลายมือชื่อผู้ให้ที่ระบุว่า นายพุด ชื่นฟักไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของนายพุด ทั้งไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมานำสืบให้ศาลเห็นว่า ลายมือชื่อดังกล่าวนายพุดไม่ได้เขียนด้วยตนเอง แต่มีบุคคลอื่นลงชื่อแทนอันเป็นการปลอมลายมือชื่อของนายพุด ในขณะที่ฝ่ายจำเลยมีเอกสารต่าง ๆ ซึ่งเป็นเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการที่มีลายมือชื่อของนายพุดมาแสดงต่อศาลเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่า ลายมือชื่อพุด ชื่นฟักที่ปรากฏอยู่ในช่วงผู้ให้ตามมีลักษณะการเขียนเหมือนกับลายมือชื่อพุด ชื่นฟัก ที่ปรากฏอยู่ในเอกสารต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้วซึ่งในเรื่องนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้วินิจฉัยโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วว่าเชื่อได้ว่าลายมือชื่อผู้ให้ในหนังสือสัญญาให้ที่ดินเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของนายพุด ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยซ้ำอีก เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นได้ว่าหนังสือสัญญาให้ที่ดินดังกล่าวไม่บริสุทธิ์หรือไม่ถูกต้อง ก็ต้องฟังว่าเอกสารดังกล่าวเป็นของแท้จริงและถูกต้อง ซึ่งหมายความว่านายพุดได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยจริง ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องชอบแล้ว
พิพากษายืน